๑. บุคคล ผู้มีสุตะน้อย และไม่ได้ประโยชน์เพราะ
สุตะ เป็นไฉน ?
สุตะ คือ สุตตะ เคยยะ เวยยากรณะ คาถา อุทาน อิติวุตตกะ ชาตกะ
อัพภูตธรรม เวทัลละ ของบุคคลบางคนในโลกนี้มีน้อย
บุคคลนั้นไม่รู้อรรถไม่รู้ธรรมแห่งสุตะอันน้อยนั้น
ไม่เป็นผู้ปฏิบัติธรรมสมควรแก่ธรรม
บุคคลอย่างนี้ชื่อว่า
ผู้มีสุตะน้อย และไม่ได้ประโยชน์เพราะสุตะนั้น.
๒. บุคคล ผู้มีสุตะน้อย แต่ได้ประโยชน์เพราะ
สุตะ เป็นไฉน ?
สุตะ คือ สุตตะ เคยยะ เวยยากรณะ คาถา อุทาน อิติวุตตกะ
ชาตกะ อัพภูตธรรม เวทัลละ ของบุคคลใดในโลกนี้มีน้อย
บุคคลนั้นรู้อรรถรู้ธรรมของสุตะน้อยนั้น
เป็นผู้ปฏิบัติธรรมสมควรแก่ธรรม
บุคคลอย่างนี้ชื่อว่า
ผู้มีสุตะน้อย แต่ได้ประโยชน์เพราะสุตะ.
๓. บุคคล ผู้มีสุตะมาก แต่ไม่ได้ประโยชน์เพราะ
สุตะ เป็นไฉน ?
สุตะ คือ สุตตะ เคยยะ เวยยากรณะ คาถา อุทาน อิติวุตตกะ ชาตกะ
อัพภูตธรรม เวทัลละ ของบุคคลบางคนในโลกนี้มีมาก
บุคคลนั้นไม่รู้อรรถไม่รู้ธรรมของสุตะอันมากนั้น
ไม่ปฏิบัติธรรมสมควรแก่ธรรม
บุคคลอย่างนี้ชื่อว่า
ผู้มีสุตะมาก แต่ไม่ได้ประโยชน์เพราะสุตะ.
๔. บุคคล ผู้มีสุตะมาก และได้ประโยชน์เพราะ
สุตะ เบ็นไฉน ?
สุตะ คือ สุตตะ เคยยะ เวยยากรณะ คาถา อุทาน อิติวุตตกะ ชาตกะ
อัพภูตธรรม เวทัลละ ของบุคคลบางคนโลกนี้มาก
บุคคลนั้นรู้อรรถ รู้ธรรมของสุตะอันมากนั้น
เป็นผู้ปฏิบัติธรรมสมควรแก่ธรรม
บุคคลอย่างนี้ชื่อว่า
ผู้มีสุตะมาก และได้ประโยชน์เพราะสุตะ.
อาบัติสังฆาทิเสสเป็นอาบัติหนักแต่แก้ไขได้โดยสงฆ์ คือ จะปลงอาบัติกับภิกษุ
เพียงรูปใดรูปหนึ่งไม่ได้ ต้องอาศัยสงฆ์ในการประพฤติเพื่อการออกจากอาบัตินั้น
เช่น การให้ปริวาส ให้มานัต ต้องอาศัยสงฆ์อย่างน้อย ๔ รูปขึ้นไป
การอยู่ปริวาสกรรม มีความสำคัญแก่พระภิกษุที่ท่านต้องอาบัติหนัก คืออาบัติ
สังฆาทิเสส เมื่อพระท่านต้องเข้าแล้วจะแก้ด้วยการปลงอาบัติไม่ได้ ต้องแก้ด้วย
การอยู่กรรม(ปริวาส) เท่านั้น
หากสึกมาแล้ว และรู้ว่าต้องอาบัติสังฆาทิเสส ยังไม่ไ้ดอยู่ปริวาสเมืื่่อบวชเป็นพระภิกษุ
ใหม่ ต้องอยู่ปริวาสตามระยะเวลาที่ปกปิดอาบัตินั้นไว้ครับ เช่น ปกปิดอาบัติไว้เป็นระยะ
เวลา 1 ปีแล้วก็สึกออกมา เมื่อกลับไปบวชใหม่ก็ต้องยู่ปริวาสเป็นระยะเวลา 1 ปี เช่นกัน
จนกว่าจะบริสุทธิ์และสงฆ์รับเข้าหมู่ได้ครับ ดังนั้น เมื่อกลับเข้าไปบวชเป็นพระภิกษุอีก
อาบัติที่เคยต้องในสมัยที่เคยบวชครั้งก่อนก็กลับมีเหมือนเดิม การนับวันที่ปกปิดก็นับ
เฉพาะเวลาที่อยู่ในเพศพระเท่านั้นครับ
หากสึกมาแล้ว ต้องการจะกลับมาบวชใหม่ แต่สงสัยว่าอาบัติสังฆาทิเสสหรือไม่ ก็
สามารถอยู่ปริวาสที่เป็น สุทธันตปริวาส ได้ครับ แต่ไม่จำเป็นจะต้องบวชเป็นเณรก่อน
ครับ สามารถบวชเป็นพระภิกษุได้ แต่ อยู่ปริวาสครับ การบวช(ในสมัยปัจจุบันนี้) มี ๒ อย่าง คือ การบวชเป็นสามเณร และ การบวชเป็น
พระภิกษุ, การบวชเป็นพระภิกษุ นั้น จะต้องบวชวิธีด้วยญัตติจตุตถกรรมวาจา สำเร็จ
ด้วยหมู่สงฆ์ โดยไม่ต้องบวชเป็นสามเณรก่อน สามารถบวชเป็นพระภิกษุได้เลย
เมื่อมีอายุตั้งแต่ ๒๐ ปีขึ้นไป ส่วนการบวชเป็นสามเณร ก็ด้วยการถึงสรณะ ๓ เป็นที่
พึ่ง และ สมาทานศึกษาในศีลของสามเณร คือ ศีล ๑๐ รวมไปถึงจะต้องศึกษามารยาท
อันดีงามที่บรรพชิตจะต้องศึกษาและสำรวมตาม ด้วย
การล่วงละเมิดสิกขาบทแต่ละข้อ ๆ ที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงบัญญัติไ้ว้ ย่อมเป็น
อาบัติสำหรับพระภิกษุรูปที่ล่วงละเิมิด ตามความหนักเบาของสิกขาบทนั้น ๆ อย่าง
หนัก ก็ทำให้ขาดจากความเป็นพระภิกษุ คือ ปารากชิก เช่น เสพเมถุน ฆ่ามนุษย์
ขาดจากความเป็นพระภิกษุทันที
อาบัติรองจากปาราชิก คือ สังฆาทิเสส เมื่อต้องเข้าแล้ว ต้องอยู่ปริวาสกรรม
เท่านั้นถึงจะออกจากอาิบัตินี้ได้ ในกรณีที่ต้องอาบัติสังฆาทิเสส ไม่ได้อยู่ปริวาส
กรรม ลาสิกขาออกไปเป็นคฤหัสถ์ ย่อมไม่มีอาบัติติดตัวแต่อย่างใด แต่เืมื่อกลับ
เข้ามาบวชใหม่ อาบัติทั้งหมดที่ต้องแล้ว ไม่ได้ทำการแก้ไข เมื่อบวชครั้งก่อน ก็จะ
มีเหมือนอย่างเดิม ต้องทำการแก้ไขด้วยการออกจากอาบัตินั้น ๆ ตามสมควรแก่อาบัติ
ชนิดนั้น ๆ ที่ตนได้ล่วง กล่าวคือ ถ้าเป็นอาบัติสังฆาทิเสส ปกปิดไว้นานเท่าใด
ก็ต้องอยู่ปริวาสกรรม เท่ากับจำนวนวันที่ตนเองต้อง ถึงจะออกจากอาบัตินั้นได้ ถ้า
เป็นอาบัติปาจิตตีย์ ทุกกฏ เป็นต้น ก็แก้ไขด้วยการแสดงอาบัติต่อหน้าพระภิกษุด้วย
กัน มีความจริงใจที่จะสำรวมระวังไม่ล่วงละเมิดสิกขาบทนั้น ๆ อีก อาบัติที่ได้ต้อง
เข้าแล้ว เมื่อได้ทำการแก้ไขให้ถูกต้องตามพระธรรมวิันัยแล้ว ก็จะไม่เป็นเครื่องกั้น
สวรรค์ ไม่เป็นเครื่องกั้นในการรู้แจ้งอริยสัจจธรรม
เอาบุญมาฝากจะถวายสังฆทาน เจริญวิปัสสนา ให้ธรรมะเป็นทาน ให้อภัยทาน บอกบุญ สักการะพระธาตุ ให้อาหารสัตว์เป็นทาน ช่วยพ่อแม่ทำงานบ้าน ถวายข้าวพระพุทธ อนุโมทนาบุญกับผู้อื่น สร้างพระสร้างเจดีย์สร้างธรรมจักรสร้างรอยพระพุทธบาทสร้างระฆังและอัครสาวกซ้ายขวาสร้างพระสีวลีสร้างพระกัสสะปะสร้างพระอุปคุตสร้างพระองคุลีมารผสมทองคำเปลวพร้อมนำดอกไม้มาบูชาถวายพระรัตนตรัย รักษาศีล เจริญภาวนา สวดมนต์ ให้อาหารสัตว์เป็นทานเป็นประจำ กรวดน้ำอุทิศบุญ อนุโมทนากับพ่อแม่ญาติพี่น้องที่รักษาศีล ฟังธรรม ให้ทาน อนุโมทนากับเพื่อนๆที่รักษาศีล ศึกษาการรักษาโรค ที่ผ่านมาคุณแม่ได้ถวายสังฆทานมาโดยตลอด ที่ผ่านมาได้ปิดทองพระ รักษาอาการป่วยของผู้อื่นกับผู้ร่วมงาน และที่ผ่านมาได้รักษาอาการป่วยของบิดามารดา ปล่อยชีวิตสัตว์มาโดยตลอด ถวายยาแก่ภิกษุ ขัดองค์พระ ถวายเทียน ให้ความรู้สมุนไพรเพื่อสุขภาพเป็นวิทยาทาน ที่ผ่านมาคุณแม่ได้ทำบุญหลายอย่างมาโดยตลอด ที่ผ่านมาได้ถวายสังฆทานและทำบุญสร้างอาคารผู้ป่วยและกฐินกับเพื่อนๆและให้อาหารเป็นทานแก่สรรพสัตว์กับเพื่อนๆและเพื่อนคนหนึ่งและบริวารของเพื่อนและครอบครัวของเพื่อนได้มีจิตเมตตาให้ทานและเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ช่วยเหลือผู้อื่นอยู่ตลอดและเพื่อนได้เคยสวดมนต์เย็นกับคุณแม่และที่ผ่านมาได้ทำบุญสักการะพระธาตุทำบุญปิดทองชำระหนี้สงฆ์และไหว้พระและทำบุญตามกล่องรับบริจาคตามวัดต่างๆกับเพื่อนและตั้งใจว่าจะสร้างบารมีให้ครบทั้ง 10 อย่างขอให้อนุโมทนาบุญด้วย
ขอเชิญถวายสังฆทาน เจริญวิปัสสนา ให้ธรรมะเป็นทาน ให้อภัยทาน บอกบุญ ให้อาหารสัตว์เป็นทาน สักการะพระธาตุ ฟังธรรม สวดมนต์ ช่วยพ่อแม่ทำงานบ้าน รักษาศีล เจริญภาวนา สวดมนต์ สร้างพระสร้างเจดีย์สร้างธรรมจักรสร้างรอยพระพุทธบาท สร้างระฆังและอัครสาวกซ้ายขวาสร้างพระสีวลีสร้างพระกัสสะปะสร้างพระอุปคุตสร้างพระองคุลีมารผสมทองคำเปลวพร้อมนำดอกไม้มาบูชาถวายพระรัตนตรัย กรวดน้ำอุทิศบุญ ถวายข้าวพระพุทธ อนุโมทนาบุญกับผู้อื่น สนทนาธรรม ถวายข้าวพระพุทธ อนุโมทนาบุญกับผู้อื่น รักษาอาการป่วยของผู้อื่น รักษาอาการป่วยของบิดามารดา ปิดทอง สักการะพระธาตุ กราบอดีตสังขารเจ้าอาวาสที่ไม่เน่าเปื่อย ที่วัดแจ้ง อ.เมือง จ.ปราจีนบุรี ปิดทองพระ ปล่อยชีวิตสัตว์ถวายยาแก่ภิกษุ ไหว้พระตามวัดต่างๆ ขัดองค์พระ ให้ความรู้สมุนไพรในการดูแลสุขภาพเป็นทาน และสร้างบารมีให้ครบทั้ง 10 อย่างขอเชิญร่วมบุญกุศลร่วมกันนะ
|