นวรัตน์ดอทคอม

รวบรวมสาระความรู้เกี่ยวกับวัตถุมงคล-เครื่องรางของขลัง

  • Increase font size
  • Default font size
  • Decrease font size
วันเวลาปัจจุบัน พฤหัสฯ. 16 ม.ค. 2025 6:31 am

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




โพสต์กระทู้ใหม่ กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 
เจ้าของ ข้อความ
 หัวข้อกระทู้: เรื่องราว
โพสต์โพสต์แล้ว: อังคาร 21 ก.พ. 2012 12:08 am 
ออฟไลน์

ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ 07 มิ.ย. 2009 7:24 pm
โพสต์: 4803
ทำอะไรไม่ได้ จิตก็รวมลงเป็นสมาธิได้ในขณะนั้น ความรู้สึกของ
พระธุดงค์โดยมากที่เคยได้กำลังใจในขณะที่จิตกำลังกลัว และฝึก
ทรมานจนลงสู่ความสงบได้แล้ว แน่ใจว่าอันตรายจะทำอะไรไม่ได้ใน
ขณะนั้น แต่ความจริงจะเป็นอย่างไรนั้นท่านไม่สนใจ คิดแต่เพียง
เพื่อกำลังใจเป็นสำคัญในเวลานั้นและเวลาต่อไป แม้จะตายในเวลา
นั้นท่านก็พร้อมที่จะยอมสละได้ เพราะความเชื่อธรรมมากกว่า
ความกลัวตาย
ดังนั้น ท่านผู้มุ่งต่ออรรถธรรมอย่างแท้จริง จึงชอบแสวงหา
สถานที่และวิธีฝึกตนด้วยอุบายต่าง ๆ อย่างไม่ลดละ เพราะท่าน
เห็นผลจากสถานที่และวิธีนั้น ๆ ประจักษ์ใจเสมอมา ราวกับว่า
ลงทุนน้อยแต่ได้กำไรมาก จึงเป็นที่น่าปลื้มใจและควรทำอยู่เสมอ
ไม่เกียจคร้านรำคาญใจ ทั้งตัดปัญหาความสงสัยในสิ่งที่ทำว่าจะ
เกิดผลหรือไม่เสียได้ เพราะการทำนั้นยังผลให้เห็นอยัมภทันตาไป
ทุกประโยคแห่งความเพียร การออกไปนั่งภาวนาอยู่หน้าถ้ำก็ดี การ
ไปเที่ยวนั่งภาวนาอยู่ตามหินดานบนเขาก็ดี การเดินเที่ยวกรรมฐาน
กลางคืนเพื่อพบกับเสือก็ดี การไปนั่งภาวนาอยู่ทางที่เสือเคยผ่านไป
มาก็ดี การเดินจงกรมหรือนั่งภาวนาแข่งเสียงเสือกระหึ่มอยู่รอบ ๆ
บริเวณที่พักก็ดี สรุปแล้วมีความหมายเพื่อจะช่วยให้จิตรวมลงสู่
ความสงบรวดเร็วกว่าธรรมดาที่ควรเป็น หรือเพื่อเกิดปัญญาในการ
พิจารณาสัตว์ร้ายเป็นธรรมะ เพื่อปล่อยวางอุปาทานความยึดถือ
ความเป็นความตายและความอาลัยอาวรณ์ต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับ
จิตให้สิ้นไปโดยลำดับนั้นแล มิใช่เพื่อทำลายตัวเองแต่อย่างใด
ท่านผู้หวังพ้นทุกข์ทั้งมวลอย่างถึงใจมีความเกิดตายเป็นต้น
โดยมากท่านคิดและทำกันอย่างนั้นทั้งนั้น แม้พระพุทธเจ้าองค์เอกของโลกทั้งสามก็ทรงบำเพ็ญวิธีสละพระชนม์ชีพด้วยการอดพระ
กระยาหาร ไม่เสวยอะไรเลยได้ ๔๙ วัน ซึ่งเป็นวิธีที่ใกล้เคียงกัน
คือเป็นวิธีที่เด็ดเดี่ยวอาจหาญเพื่อชัยชนะข้าศึกศัตรูภายใน เมื่อทรง
เห็นว่าไม่ใช่ทางจึงทรงงด แล้วทรงกลับมาตั้งสัตยาธิษฐานปฏิญญา
พระองค์ว่าจะประทับนั่งเจริญอานาปานสติกรรมฐาน จนได้ตรัสรู้
ธรรมตามพระทัยหมาย หากยังไม่ได้ตรัสรู้ธรรมสมพระประสงค์
เมื่อไร ก็เป็นอันทรงถวายพระชนม์ชีพกับที่ประทับภาวนานั้น โดย
ไม่เสด็จไปที่ไหน ๆ อีกเลย นี่แสดงว่าถ้าไม่ได้ตรัสรู้ธรรมจริง ๆ
ในที่ประทับนั่งเจริญอานาปานสติใต้ร่มมหาโพธิ์นั้น ก็ต้องเป็น
พระอิริยาบถสุดท้ายแห่งพระชนม์ชีพของพระองค์ในที่แห่งเดียวกัน
โดยแน่นอน ไม่มีทางเป็นอื่น
คิดดู ท่านผู้เป็นตัวอย่างอันดีเลิศของโลก ไม่ว่าพระพุทธเจ้า
และพระสาวก ตลอดครูอาจารย์หรือท่านนักปฏิบัติธรรมทั่ว ๆ ไป
ทำสิ่งใดเป็นสิ่งที่สะดุดใจผิดธรรมดาสามัญอยู่มากและประทับใจไม่มี
วันลบเลือน ที่พระธุดงคกรรมฐานบำเพ็ญเพียรและฝึกอบรมตน
ด้วยวิธีต่าง ๆ ตามจริตนิสัยและความสามารถของตนแต่ละราย จึง
มิได้เป็นการโลดโผนหรือใกล้ต่อความโอ้อวดตัว ว่าเก่งกล้าสามารถ
ยิ่งกว่าครูหรือกว่าใครแต่อย่างใด เพราะเป็นเจตนาที่บริสุทธิ์เพื่อหวัง
อรรถธรรม นำตนให้พ้นทุกข์ด้วยวิธีนั้น ๆ จึงได้พยายามตะเกียก
ตะกายตามกำลังความสามารถ และยังไม่เท่าผงธุลีที่ฝ่าพระบาท
ของพระพุทธองค์ที่หลุดออกในเวลาที่ทรงประกอบความเพียร
ด้วยความสละตายเลย เพียงเท่านี้จะสำคัญว่าตนมีความเพียรเก่ง
ยิ่งกว่าครูได้อย่างไร และจะเข้าใจว่าทำเพื่ออวดโลกได้อย่างไร เมื่อ
ความเพียรยังไม่เท่าขี้ผงที่ฝ่าพระบาทของพระพุทธเจ้าเลยเมื่อคิดถึงปฏิปทาที่พระพุทธเจ้าทรงดำเนินมา กับปฏิปทา
ของพวกเราซึ่งคอยแต่จะล้มเหลว ทำความเพียรเพียงเล็กน้อย
กลัวแต่จะยิ่งกว่าครูคือศาสดา จึงน่าอับอายขายหน้าตัวเองยิ่งกว่า
ขายอะไร ผู้เขียนยิ่งตัวเก่งที่กลัวแบบนี้ แต่แบบอื่นที่ไม่ดีไม่เป็นท่า
ไม่เห็นกลัว มันอย่างนี้แลใจสามัญชนมันชนดะไป ถ้าเป็นสิ่งที่
ปราชญ์ท่านตำหนิไม่อยากให้ชน แต่สิ่งท่านประสงค์อยากให้ชน
แต่กลับหลบหน้าไม่กล้าชน คิดแล้วโมโหตัวเองที่เก่งไม่เข้าเรื่อง
กรุณาท่านผู้อ่านอย่าถือเป็นตัวอย่าง จะกลายเป็นคนไม่เข้าเรื่องไป
หลายคน
พระธุดงค์ที่ท่านหาอุบายทรมานตัวด้วยวิธีต่าง ๆ กันดังที่
กล่าวมานี้ เคยเป็นมาแต่เริ่มแรกที่ได้รับการอบรมจากท่านอาจารย์
มั่นสมัยท่านยังเป็นหนุ่ม ทำการสั่งสอนเรื่อยมาจนทุกวันนี้มิได้
ลดละปล่อยวาง โดยถือเป็นมรดกที่ท่านมอบให้ด้วยความเมตตา
สั่งสอนอย่างถึงใจ ต่างท่านจึงได้พยายามประคับประคองมาด้วย
ความเคารพเชื่อถือ ว่าเป็นปฏิปทาที่ท่านเคยปฏิบัติและได้ผล
เป็นที่พึงใจมาแล้ว ซึ่งได้กลั่นกรองเอาแต่ยอดปฏิปทาอย่างเด็ด ๆ
เผ็ด ๆ ร้อน ๆ ออกมาแสดง เพื่อท่านผู้ตั้งใจในธรรมอย่างยิ่งจะได้
ยึดเป็นอุบายเครื่องพร่ำสอนและฝึกฝนทรมานตนต่อไป
สมัยท่านเป็นหนุ่ม ทราบว่าท่านเป็นผู้ปฏิบัติเด็ดเดี่ยวมาก
การสั่งสอนก็เผ็ดร้อนมาก พร้อมทั้งปรจิตตวิชชาคือรู้วาระจิตของ
ผู้อื่นด้วย แม้แต่ท่านมีอายุมากย่างเข้า ๗๒ ปี ซึ่งเป็นระยะที่
ผู้เขียนไปอบรมกับท่าน ยังรู้สึกว่าเผ็ดร้อนอยู่เลย ไปอยู่และฟังท่าน
อบรมทีแรกแทบตั้งตัวไม่ติดเพราะกลัวมาก แต่เคารพเลื่อมใสท่าน
มาก ยอมจำนนต่อความจริงทุกขั้นที่ท่านแสดงออกทุกระยะ หาที่ค้านไม่ได้ เวลาท่านแสดงธรรมเกี่ยวกับวิธีทรมานใจนั้นยิ่งน่ากลัว
มาก ทั้งเสียงก็ดังและกังวาน ทั้งมือก็ชี้ด้วยว่า โน้นน่ะป่า โน้นน่ะ
เขา อันเป็นที่เหมาะกับจิตดวงดิ้นรนกวัดแกว่งทรมานยาก อย่า
มัวมามั่วสุมอยู่กับหมู่กับเพื่อนอย่างนี้ ผู้ปฏิบัติต้องรู้จักนิสัยของตัว
รู้วิธีการทรมานตัว ถ้าไม่รู้นิสัยของตัว แม้ทำความเพียรไปจนถึง
วันตายก็ไม่ได้รับผลเท่าที่ควร เวลาใจดื้อต้องเด็ดทางความเพียรและ
ทรมานให้หนักมือ
ใครกลัวเสือให้เข้าไปอยู่ในป่าในเขากับเสือ ใครกลัวผีให้เข้า
ไปอยู่ในป่าช้ากับผีตายชนิดต่าง ๆ จนใจเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน
กับผีแล้วนั่นแล จึงจะเรียกว่าจิตยอมตัวต่อการทรมาน ผู้ที่อยู่ในป่า
ถ้าใจยังไม่กล้าต่อเสือเมื่อไร อย่ายอมออกมาจากป่า ผู้ที่กลัวผีถ้าใจ
ยังไม่กล้าต่อผีก็ไม่ยอมออกจากป่าช้า จงถือเอาป่าและเขาเป็นเรือน
ตายสำหรับผู้กลัวเสือ และถือเอาป่าช้าเป็นเรือนตายสำหรับผู้กลัวผี
ถ้ายังไม่หายกลัวในสิ่งที่เคยกลัว อย่าออกมาให้ความกลัวมันหัวเราะ
เย้ยหยัน จะอายตัวเองไปตลอดวันตาย ไม่มีทางแก้ตัวให้หายได้
ถ้าเห็นแก่ตัวและพระศาสนาด้วยใจจริงแล้ว อย่ายอมให้ความกลัว
ต่าง ๆ ขึ้นนอนขับถ่ายอะไร ๆ ลงรดหัวใจได้ รีบคว้ามันลงมา
เหยียบย่ำทำลายด้วยความเพียรที่เต็มไปด้วยความทรหดอดทน
ใครกลัวตาย คนนั้นจะได้แต่ความตายติดตัวไปในภพชาติ
ต่าง ๆ ไม่มีวันจบสิ้น ใครกลัวเสือ ไปอยู่ที่ไหนก็จะมีแต่ภาพเสือ
มาหลอกให้กลัวอยู่ตลอดไป ใครกลัวผีก็เช่นกัน ไปอยู่ที่ไหนจะมีแต่
ภาพผีลักษณะต่าง ๆ มาหลอกจนถึงกับอยู่กินหลับนอนไม่ได้ แม้
ใบไม้ร่วงจากกิ่งตกลงมา ก็จะคิดหลอกตัวเองว่าเป็นผีมาหลอกอยู่
ร่ำไป เราเป็นคนไม่จริงและขี้ขลาดหวาดกลัวเสียคนเดียว ไปที่ไหนอยู่ที่ใดก็ต้องพบแต่ความขี้ขลาดหวาดระแวงด้วยความกลัวที่จิต
คิดปรุงขึ้นหลอกตัวเองอยู่นั่นแล ไม่พบของจริงได้เลยแม้แต่น้อย
ใจจะกลัวถึงขนาดไหน ต้องเรียนให้ถึงความกลัวด้วยวิธี
ทดสอบทรมานกันให้ถึงความจริงของความกลัว กลัวเสือก็เรียนให้
รู้ถึงความกลัวเสือด้วยสติปัญญา มีความทรหดอดทนเป็นเครื่อง
หนุนหลัง จนเกิดความกล้าหาญและโดดเข้าหาเสือได้โดยเสือ
ไม่กล้าทำไมเลย กลัวผีก็เรียนให้รู้เรื่องความกลัวของตัว และรู้เรื่อง
ผีว่าอะไรเป็นผีกันแน่ ถ้าไม่ใช่หัวใจตัวเองเป็นผีคิดหลอกตัวให้กลัว
ต่างหากเท่านั้น ไม่มีอะไรมาหลอก ผีก็อยู่กับผี เราก็อยู่กับเรา
ไม่เห็นยุ่งกัน ถ้าพิจารณาโดยตลอดทั่วถึงแล้ว จงอยู่ให้เป็นสุข
อย่าหลุกหลิกทางใจ ดูสิ จะเป็นสุขไหม
ทำไมนักปฏิบัติจึงไม่รู้จิตหลอกตัวเอง แล้วจะไปรู้อรรถ
รู้ธรรมได้อย่างไรกัน ผมก็เคยปฏิบัติมานานพอสมควรได้ ๔๐-๕๐
ปีกว่าแล้ว กลัวก็เคยกลัว กล้าก็เคยกล้า รักก็เคยรัก ชังก็เคยชัง
เกลียดก็เคยเกลียด โกรธก็เคยโกรธ เพราะหัวใจมี มิใช่คนตาย
พระตาย แต่ก็พยายามทรมานตนเต็มความสามารถไม่ท้อถอย
ตลอดมา สิ่งเหล่านี้ที่เคยมีอำนาจก็ทลายลงด้วยอำนาจความเพียร
ของผู้กล้าตาย ไม่มีอะไรมาแอบซ่อนอยู่ในใจได้ อยู่ที่ไหนก็สบาย
หายกังวล ไม่มีอะไรมาก่อกวนให้หลงกลัวหลงกล้า หลงรักหลงชัง
หลงเกลียดหลงโกรธ อันเป็นเรื่องไฟกิเลสทั้งกองเผาใจดังที่เคยเป็น
ที่กล่าวมานี้ จะเพราะเหตุอะไรถ้าไม่ใช่เพราะการฝึกทรมานใจให้อยู่
ใต้อำนาจแห่งเหตุผลคืออรรถธรรม
ทุกท่านที่มาอบรม ต้องการอยากให้กิเลสชนิดต่าง ๆ
หมดไปด้วยวิธีใด ถ้าไม่ใช่ด้วยการฝึกทรมานตนด้วยความเพียรดังที่กล่าวมา ทางสิ้นกิเลสทั้งหลายมีความกลัวเป็นต้นก็มีทางเดียว
เท่านี้ คือต้องฝึกต้องทรมานใจดวงกำลังคะนองโลดเต้นเผ่นผยอง
ไปตามอารมณ์ที่ตัวคิดปรุงขึ้นหลอกตัวเองอยู่เวลานี้ พระพุทธเจ้า
และพระสาวกทั้งหลายท่านพ้นทุกข์ทั้งมวลได้ด้วยการฝึกทรมาน
ใจทางเดียวเท่านี้ ไม่มีทางที่จะพอเล็ดลอดไปได้นอกจากทางนี้
ทางเดียว ส่วนจะคอยให้ความกลัวความขี้เกียจอ่อนแอเป็นผู้บุกเบิก
ทางเพื่อพ้นทุกข์นั้นอย่าพากันหวัง เดี๋ยวจะตายเปล่าและเน่าเฟะ
เปรอะเปื้อนพระศาสนาให้เหม็นไปด้วย อย่าพากันสงสัยไปนาน
จะเสียกาลเวลาไปเปล่า
ธรรมของพระพุทธเจ้ามิใช่ธรรมลูบคลำและหลอกลวง ถ้า
ใครเชื่อตามเหตุผลที่ประทานไว้และปักใจลงปฏิบัติตามแบบเอาชีวิต
ชีวาเข้าแลก ไม่เป็นห่วงเสียดายว่าธรรมจะพาไปล่มจมป่นปี้ มีแต่
ตั้งหน้าปฏิบัติกำจัดสิ่งที่เคยเป็นข้าศึกทำการกีดขวางใจ มีความกลัว
เป็นต้น ผู้นั้นจะถึงฝั่งแห่งความเกษมในไม่ช้า การฝึกฝนทรมานตน
ด้วยธรรมนี่แลคือทางพ้นทุกข์โดยถ่ายเดียวไม่เป็นอื่น จะนับประสา
อะไรกับสถานที่ที่พระขี้ขลาดไปอยู่ และบ่นว่ากลัว ๆ กัน ทั้งที่
ชาวบ้านแถวนั้นเขาถือเป็นธรรมดามิได้กลัว ส่วนสถานที่บางแห่งที่
ผมไปอยู่บำเพ็ญ ชาวบ้านเขากลัวกันทั้งบ้านไม่อยากให้ผมอยู่ที่นั้น
กลัวเสือจะมาเอาผมไปกิน
ผมเองไม่เห็นสนใจกับเสือและชาวบ้านที่มาพูดให้ฟังว่าเสือดุ
เลย ที่ไม่สนใจนั้นมิใช่อวดเก่งไม่กลัวเสือน่ากลัวของโลกเขา ผม
ก็กลัวเหมือนกัน แต่มิได้กลัวแบบหมอบราบดังพระขี้ขลาดกลัวกัน
หากกลัวแบบนักสู้ว่า ที่นี่แลเป็นที่มีภัยรอบด้าน และต้องเป็น
สถานที่สำคัญในการบำเพ็ญสำหรับเราด้วย จะเป็นหรือตายเรามอบไว้กับกรรมซึ่งเป็นคติธรรมดา ถ้าเสือไม่มีเนื้อจะกินหรือเห็นว่า
เนื้อพระหอม มีรสอร่อยกว่าอาหารที่มันเคยกินมาเป็นประจำ
มันต้องการก็มอบให้มันไป แต่เราต้องยึดธรรมคือความกล้าหาญ
ความเสียสละเพื่อธรรมไว้ ไม่ยอมปล่อยวางกระทั่งสิ้นลมหายใจ
จะสมศักดิ์ศรีของพระกรรมฐานผู้แสวงธรรมด้วยความเชื่อบุญ
เชื่อกรรมจริงและเทิดเกียรติพระศาสนาไว้ ตัดสินใจปลงไว้กับธรรม
ทุกอย่าง แล้วก็เร่งความเพียรทางใจไม่มีลดละท้อถอย
ได้ยินเสียงเสือกระหึ่มไปมาแถวบริเวณใกล้เคียงเท่าไร ใจยิ่ง
ประหวัดสัมผัสกับธรรมหนักเข้า ประหนึ่งใจกับธรรมเป็นอันหนึ่ง
อันเดียวกัน ยิ่งเวลาเข้าสู่สงครามระหว่างเสือกับธรรมที่เรามุ่งมั่น ก็
ยิ่งเห็นความอัศจรรย์ของใจของธรรมเกินกว่าจะนำเรื่องเสือมาคิดให้
เสียเวลา เหมือนเด็กไม่มีความคิดอ่านก็เอามือไปจับไฟเล่นให้ไฟ
ไหม้มือเอา คนที่ขี้ขลาดหาทางออกไม่ได้ก็นำเรื่องเสือเรื่องผีมาคิด
แล้วก็นำความกลัวมาเผาใจตัวเองโดยไม่รู้จักวิธีแก้ไขเช่นเดียวกับ
เด็กเล่นไฟฉะนั้น
บางครั้งการปฏิบัติทั้งภายในภายนอกมันเกิดขัดข้องตาม ๆ
กันมา ถ้าใจไม่กล้าหาญจริง ๆ ต้องล้มละลายแบบไม่เป็นท่า คือ
ทางใจก็ยุ่งและติดปัญหาตัวเองแก้ไม่ตกเมื่อไร กองทุกข์ก็สุมกัน
เข้ามา จนกว่าแก้ตกไปเป็นตอน ๆ ความสบายใจจึงเกิดมีขึ้นมา
เป็นพัก ๆ ทางกายก็เกิดเจ็บไข้ได้ทุกข์ซึ่งเป็นเรื่องของใจผู้รับผิดชอบ
กอบกู้ จะต้องพิจารณาวินิจฉัยและรักษากันไปตามเหตุการณ์
บางสถานที่อากาศทึบมากจนแทบหายใจไม่ออก ก็ต้องกระทบ
กระเทือนร่างกายจิตใจ ต้องทนอยู่ไปจนกว่าจะแสวงหาที่อยู่อัน
เหมาะสมกว่านั้นได้ ก็ต้องทนทุกข์ไปหลายวัน สมัยที่ผมกับท่านอาจารย์เสาร์ออกปฏิบัติทีแรกโน้น ใครจะไปรู้ว่ากรรมฐานเป็น
อย่างไร ความอดอยากกันดารทั้งหลายจึงรวมลงในตัวเราผู้เป็น
นักต่อสู้นั่นแล ผู้คนเขามิได้สนใจเหมือนทุกวันนี้ พระอยู่กันอย่างไร
หลับนอนกันอย่างไร ขบฉันกันอย่างไร ใช้สอยอะไรกันบ้าง ไม่มี
ใครเขาสนใจหรอก
อย่าเข้าใจว่าที่มาเป็นอาจารย์คนอยู่เวลานี้ ได้รับความ
สะดวกและสมบูรณ์พูนผลมาเป็นลำดับ ความจริงแล้วต้องตะเกียก
ตะกายปฏิบัติมาด้วยความทุกข์ยากลำบากแทบเป็นแทบตายเรื่อยมา
การฉันก็ฉันแต่ข้าวเปล่า ๆ นั่นแล มากกว่าจะได้ฉันกับพริกกับปลา
ดังชาวบ้านเขารับประทานกัน ชาวบ้านเขาก็มีไม่ขาดเขิน ในบรรดา
อาหารที่เขาเคยรับประทานกัน แต่เขาไม่เข้าใจว่าพระกรรมฐานท่าน
ฉันกันอย่างไร อย่างมากเขาก็เอากล้วยใส่ให้เสียใบสองใบพอเป็น
ประเพณีของการตักบาตรบ้าง นานวันถึงจะมีห่อพริกห่อเกลือบ้าง
บางทีเขาก็ตำพริกใส่ปลาร้าดิบ เมื่อมาถึงที่พักแก้ออกดู ทราบแล้วก็
นำออกเสีย ฉันไม่ได้ เพราะไม่มีโยมติดตามพอจะใช้สอยเขาไป
ทำให้สุกได้
โดยมากความเป็นมาของพระกรรมฐานในยุคนั้นเป็นมา
อย่างนี้แทบทั้งนั้น ไม่ว่าไปอยู่ที่ไหน โน้นอยู่นาน ๆ ไปจนรู้นิสัย
ของเขาของเราดีแล้ว เขามาถามจึงพอรู้เรื่องกันบ้าง จากนั้นก็ไป
เที่ยวบำเพ็ญที่อื่นต่อไปอีกตามอัธยาศัยที่เห็นว่าจะเป็นความ
สะดวก ตอนไปพักอยู่ใหม่ ๆ ก็เอาอีกเช่นที่เคยเป็นมาแล้วนั่นแล
ที่พักที่หลับนอนก็จำต้องปล่อยตามความจำเป็นดังที่เคยพบมาแล้ว
ในที่นั้น ๆ ถ้าเป็นหน้าแล้งก็พอสะดวกบ้าง เที่ยวหาหญ้าแห้งใบไม้
แห้งมาปูที่นอนพอซุกหัวลงนอนหลับพักผ่อนได้เป็นพัก ๆ


เอาบุญมาฝากจะถวายสังฆทาน เจริญวิปัสสนา ให้ธรรมะเป็นทาน ให้อภัยทาน บอกบุญ สักการะพระธาตุ ให้อาหารสัตว์เป็นทาน ช่วยพ่อแม่ทำงานบ้าน ถวายข้าวพระพุทธ อนุโมทนาบุญกับผู้อื่น สร้างพระสร้างเจดีย์สร้างธรรมจักรสร้างรอยพระพุทธบาทสร้างระฆังและอัครสาวกซ้ายขวาสร้างพระสีวลีสร้างพระกัสสะปะสร้างพระอุปคุตสร้างพระองคุลีมารผสมทองคำเปลวพร้อมนำดอกไม้มาบูชาถวายพระรัตนตรัย
รักษาศีล เจริญภาวนา สวดมนต์ ให้อาหารสัตว์เป็นทานเป็นประจำ กรวดน้ำอุทิศบุญ อนุโมทนากับพ่อแม่ญาติพี่น้องที่รักษาศีล ฟังธรรม ให้ทาน อนุโมทนากับเพื่อนๆที่รักษาศีล ศึกษาการรักษาโรค ที่ผ่านมาคุณแม่ได้ถวายสังฆทานมาโดยตลอด ที่ผ่านมาได้ปิดทองพระ รักษาอาการป่วยของผู้อื่นกับผู้ร่วมงาน และที่ผ่านมาได้รักษาอาการป่วยของบิดามารดา ปล่อยชีวิตสัตว์มาโดยตลอด ถวายยาแก่ภิกษุ ขัดองค์พระ ถวายเทียน ให้ความรู้สมุนไพรเพื่อสุขภาพเป็นวิทยาทาน ที่ผ่านมาคุณแม่ได้ทำบุญหลายอย่างมาโดยตลอด ที่ผ่านมาได้ถวายสังฆทานและทำบุญสร้างอาคารผู้ป่วยและกฐินกับเพื่อนๆและให้อาหารเป็นทานแก่สรรพสัตว์กับเพื่อนๆและเพื่อนคนหนึ่งและบริวารของเพื่อนและครอบครัวของเพื่อนได้มีจิตเมตตาให้ทานและเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ช่วยเหลือผู้อื่นอยู่ตลอดและเพื่อนได้เคยสวดมนต์เย็นกับคุณแม่และที่ผ่านมาได้ทำบุญสักการะพระธาตุทำบุญปิดทองชำระหนี้สงฆ์และไหว้พระและทำบุญตามกล่องรับบริจาคตามวัดต่างๆกับเพื่อนและตั้งใจว่าจะสร้างบารมีให้ครบทั้ง 10 อย่างขอให้อนุโมทนาบุญด้วย


ขอเชิญถวายสังฆทาน เจริญวิปัสสนา ให้ธรรมะเป็นทาน ให้อภัยทาน บอกบุญ ให้อาหารสัตว์เป็นทาน สักการะพระธาตุ ฟังธรรม สวดมนต์ ช่วยพ่อแม่ทำงานบ้าน
รักษาศีล เจริญภาวนา สวดมนต์ สร้างพระสร้างเจดีย์สร้างธรรมจักรสร้างรอยพระพุทธบาท
สร้างระฆังและอัครสาวกซ้ายขวาสร้างพระสีวลีสร้างพระกัสสะปะสร้างพระอุปคุตสร้างพระองคุลีมารผสมทองคำเปลวพร้อมนำดอกไม้มาบูชาถวายพระรัตนตรัย กรวดน้ำอุทิศบุญ ถวายข้าวพระพุทธ อนุโมทนาบุญกับผู้อื่น สนทนาธรรม
ถวายข้าวพระพุทธ อนุโมทนาบุญกับผู้อื่น รักษาอาการป่วยของผู้อื่น รักษาอาการป่วยของบิดามารดา
ปิดทอง สักการะพระธาตุ กราบอดีตสังขารเจ้าอาวาสที่ไม่เน่าเปื่อย ที่วัดแจ้ง อ.เมือง จ.ปราจีนบุรี ปิดทองพระ ปล่อยชีวิตสัตว์ถวายยาแก่ภิกษุ ไหว้พระตามวัดต่างๆ ขัดองค์พระ ให้ความรู้สมุนไพรในการดูแลสุขภาพเป็นทาน
และสร้างบารมีให้ครบทั้ง 10 อย่างขอเชิญร่วมบุญกุศลร่วมกันนะ


ข้างบน
 ข้อมูลส่วนตัว  
 
แสดงโพสจาก:  เรียงตาม  
โพสต์กระทู้ใหม่ กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิกใหม่ และ บุคคลทั่วไป 48 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ไปที่:  
cron
ขับเคลื่อนโดย phpBB® Forum Software © phpBB Group
Thai language by phpBBThailand.com
phpBB SEO