พระพุทธพจน์ - พุทธภาษิต พระธรรมเทศนา และ ธรรมะจากครูบาอาจารย์ผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ
พฤหัสฯ. 01 มี.ค. 2012 6:59 am
เป็นร่างเหลืออยู่ให้สัตว์โลกได้กราบไหว้บูชาเป็นขวัญตาขวัญใจ
สืบมาจนทุกวันนี้ ก็เพราะธรรมมิได้เป็นเหมือนตึกรามบ้านช่องที่
คอยแต่จะล้มทับคนตายด้วยกฎอนิจจังบังคับนั่นเอง
คำว่าธรรมเป็น อกาลิโก ถ้าไม่หมายเอาธรรมฟากแดน
สมมุติบริสุทธิ์สุดส่วนแล้ว จะหมายอะไรเป็นธรรมสาระเล่า ธรรม
สาระที่เป็นอกาลิโกนั้นแลคือธรรมแท้ ไม่อยู่ในขอบเขตแห่งกุศล
ธรรมและอกุศลธรรมเป็นต้น ที่มีอนิจจังเป็นทางเดินเช่นเดียวกับ
สิ่งทั่ว ๆ ไป เช่น ธรรมเจริญบ้าง ธรรมเสื่อมบ้าง เป็นต้น อันเป็น
กฎเดียวกันกับโลกทั่ว ๆ ไป ซึ่งไม่จัดเข้าในธรรมสาระดังธรรมใน
พระทัยของพระพุทธเจ้า และธรรมในใจของพระขีณาสพทั้งหลาย
ที่เป็นอกาลิกธรรมล้วน ๆ ไม่มีกฎใด ๆ เข้าไปอาจเอื้อมทำลายได้
ธรรมประเภทนั้นแลคือธรรมสาระแท้ เป็นธรรมไม่มีเหตุปัจจัย
ปรุงแต่งให้เป็นต่าง ๆ เหมือนสิ่งทั้งหลาย
อะไรจะหมดความหมายไปมากน้อยเพียงไร จะเสื่อมสูญ
ไปไหนก็ตาม แต่ธรรมสาระนี้ยังเป็นธรรมที่มีความหมายในตัวเอง
ทั้งที่ใครจะเคารพนับถือหรือไม่ก็ตาม ธรรมนี้ยังสามารถทรงตัวอยู่
ด้วยความสมบูรณ์ และเป็นอกาลิกธรรมอยู่ตลอดกาล พระพุทธเจ้า
และสาวกทั้งหลายทรงกราบไหว้และกราบไหว้บูชาก็ดี โลกระลึกถึง
และกราบไหว้บูชากันก็ดี ก็กราบธรรมสาระนี้แล การปรินิพพาน
ของพระพุทธเจ้าทั้งหลาย ไม่เพียงพระองค์ใดพระองค์หนึ่ง มี
พระสมณโคดมของเราเป็นต้น นั่นเป็นเพียงเรือนร่างของพุทธะ
ก้าวเดินไปตามสายทางของไตรลักษณ์ที่มีประจำสัตว์สังขารทั่ว ๆ
ไปเท่านั้น มิได้เป็นความกระทบกระเทือนถึงองค์พุทธะที่บริสุทธิ์
อันเป็นธรรมสาระแท้ให้เสื่อมคลายหรือขาดสูญไปแต่อย่างใดพระพุทธเจ้าจะปรินิพพาน ณ สถานที่ใด กาลเวลาใด ก็
ไม่กระทบกระเทือนถึงมรรคผลนิพพาน ที่จะพึงบรรลุของท่าน
ผู้ปฏิบัติด้วยสามีจิกรรม คือ ชอบยิ่งเช่นเดียวกัน ท่านผู้นั้นจะพึง
มีหวังในผลอันเกิดแต่ข้อปฏิบัติของตนอย่างสม่ำเสมอ เช่นเดียวกับ
พระพุทธเจ้ายังทรงพระชนม์อยู่ ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงเป็นอย่างอื่น
แม้ปรินิพพานไปแล้วกี่พันกี่หมื่นปี ก็เป็นเพียงเวลานาทีที่โลกถือกัน
เท่านั้น ส่วนธรรมนี้มิได้อยู่กับกาลสถานที่ดังที่เข้าใจกัน แต่ธรรมอยู่
กับธรรม มิได้อยู่กับอะไรอันเป็นการอาศัย ซึ่งไม่เข้าในลักษณะของ
ธรรมแท้ ธรรมสาระนี้แลเป็นสิ่งมหัศจรรย์อยู่ในโลกตลอดมา
ทั้งนี้ใครจะรู้หรือไม่รู้ ค้นพบหรือไม่ค้นพบว่าธรรมคืออะไร
มีอยู่ในโลกหรือหาไม่ก็ตาม ธรรมก็คือธรรมอยู่โดยธรรมชาติของ
ตน ฉะนั้นการที่ใคร ๆ จะพูดว่าพระพุทธเจ้าปรินิพพานไปนาน
แล้วตั้งสองพันปีสามพันปี มรรคผลนิพพานได้ร่วงโรยหมดเขต
หมดสมัยไปตามโดยสิ้นเชิงแล้ว แม้จะพากันปฏิบัติเคร่งครัดหรือ
ดีเยี่ยมเพียงไร ก็เป็นความลำบากเปล่าโดยไม่มีผลใด ๆ เป็น
เครื่องสนองตอบเลยดังนี้ นั้นมิใช่พระประสงค์ของพระพุทธเจ้า
ผู้ทรงประกาศสอนโลกด้วยสัจธรรม นั้นมิใช่ทางเดินคือความ
มุ่งหมายของพระศาสนาที่พระศาสดาองค์สิ้นกิเลสถึงความประเสริฐ
ของโลกประทานไว้ นั้นมิใช่หลักวิชาธรรมในพระพุทธศาสนา พอที่
ผู้นับถือพระศาสดาและพระธรรมวินัยจะนำมาคิดและศึกษาให้
ถ่วงเวลาล้าสมัย และสร้างอุปสรรคแก่ตนโดยไม่เกิดผลดีใด ๆ เลย
นอกจากเป็นความคิดและศึกษาที่ปิดกั้นทางเดินของตนจนหา
ทางออกไม่ได้เท่านั้น ผู้เชื่อพระศาสนาอันเป็นธรรมของศาสดาองค์
บริสุทธิ์ประทานไว้ จึงไม่ควรนำคำพูดขวากหนามนั้นมาเสียบแทงตัวเอง ราวกับคนสิ้นท่าหาทางออกมิได้ทั้งที่ทางออกยังมีอยู่ และ
จะกลายเป็นบุคคลที่น่าสังเวชหมดหวัง ทั้งที่ชีวิตความสืบต่อในร่าง
ยังมีอยู่ ซึ่งควรนำไปทำประโยชน์อะไรได้
พระอรหันต์ท่านสอนซ้ำอย่างถึงใจอีกว่า ท่านทราบหรือ
เปล่าว่า คนที่จะคอยแซงหน้าพระศาสนา เพื่อเป็นพระศาสดา
องค์เอกของโลก ทั้งที่กิเลสและความโง่เขลายังมีในสันดานอย่าง
เต็มตัว ยังมีอยู่มากมายในโลกที่ผสมด้วยสิ่งโสมมอันนี้ แล้วยังมี
ท่านอีกองค์หนึ่งหรือที่กระหายรอความเป็นสาวกแห่งศาสดาองค์
โสมมนั้นอยู่
พระอาจารย์องค์นั้นเรียนตอบท่านว่า สำหรับกระผมเอง
มิได้มีความหวั่นไหวจากหลักธรรมไปตามคำพูดเช่นนั้นเลยแม้ขณะ
จิตหนึ่ง ทุก ๆ ขณะจิตและอิริยาบถต่าง ๆ เป็นความหมายมั่น
ปั้นมือเพื่อมรรคผลนิพพานจากสวากขาตธรรม อยู่อย่างเพลินใจ
เท่าที่กราบเรียนถามนี้ เห็นเป็นความจำเป็นที่ตัวเองก็เป็นผู้หนึ่ง ซึ่ง
มุ่งประโยชน์แก่โลกอยู่อย่างเต็มใจ หากแต่เพียงกำลังของตัวก็เกรงว่า
จะไม่สามารถพอในการชี้แจงแก่ท่านผู้ข้องใจในเรื่องดังกล่าวมา
เพราะเป็นเรื่องสะเทือนทั้งวงพระศาสนาและประชาชนพุทธบริษัท
ที่มีส่วนเกี่ยวข้องอยู่ไม่เบาเลย เมื่อเห็นเป็นกาลอันควรกับเวลาที่
พระคุณท่านผู้ประเสริฐมาโปรดเมตตา ซึ่งเป็นองค์แน่นอนในธรรม
ทั้งหลาย ยากจะหาพบได้ในโลกมนุษย์ จึงได้ถือโอกาสกราบเรียน
ศึกษา เพื่อเป็นประทีปดวงไฟอันสว่างแก่กระผมเองและประชาชน
ได้มีหูตาสว่างบ้าง เพราะความเมตตาที่ประพรมโสรจสรงไว้นี้
พระอรหันต์ท่านให้โอวาทต่อไปว่า การถามเพื่อประชาชน
ก็ถูก แต่จะให้ถูกแท้ท่านควรดูวาระจิตที่คิดเป็นภัยแก่ตัวเอง แม้นิดก็ควรทราบว่าเป็นภัยและมีทางกำจัดให้สิ้นไปได้ เพราะภัยภายใน
มีพิษสงยิ่งกว่าภัยภายนอกดังกล่าวมานั้นมาก ปราชญ์ทั้งหลาย
ท่านถือกัน เพื่อความแน่ใจจึงขอย้ำธรรมบทต้นให้ท่านทราบอีกครั้ง
ว่า ไม่มีผู้ใดและสิ่งใดในสามภพจะมีอำนาจมาบังคับธรรมให้ไร้ผล
แก่ผู้ปฏิบัติเป็นสามีจิกรรม ไม่เพียงแต่กาลสถานที่ดังกล่าวมา
เท่านั้น แม้อะไร ๆ ทั้งสามโลกธาตุจะยกพวกยกพลมาบังคับไม่ให้
ธรรมให้ผลแก่ผู้ปฏิบัติชอบอยู่ อะไร ๆ ทั้งสามโลกนั้นจะไม่มีหวัง
ดังใจหมายเลย ธรรมต้องเป็นธรรมและให้ผลโดยธรรมอยู่ตลอดไป
เมื่อการปฏิบัติถูกต้องดีงามยังมีอยู่
สิ่งที่มีอำนาจสามารถปิดกั้นมรรคผลนิพพานได้ โดยไม่เลือก
กาลสถานที่และบุคคลนั้น มิใช่อะไร ๆ อื่นที่ไหน อย่าพากันคิด
งมตมงมโคลนเหยียบหนามให้เป็นทุกข์ทรมานตน ซึ่งเป็นสิ่งมี
คุณค่ามากให้ฉิบหายไปเปล่า ด้วยอำนาจความโง่เขลาบีบบังคับ
ฉุดลากไป นั้นคือสัจธรรมที่มีอยู่ในตัวเองแต่ละราย สัจธรรม
เบื้องต้นอันเป็นฝ่ายผูกมัด คือ ทุกข์กับสมุทัย ทั้งสองนี้แลที่
สัตว์โลกผู้ไม่รู้จักเป็นจักตาย เพราะฤทธิ์มันบีบคั้นชอบสั่งสมกันมาก
ไม่มีวันอิ่มพอ คือตัวปิดกั้นมรรคผลนิพพานโดยแท้ ไม่ให้เกิดขึ้น
ได้ในหัวใจสัตว์เมื่อยังมีความชอบพอและส่งเสริมมันอยู่ ทุกข์เวลา
เกิดขึ้นในภายในใจสัตว์ ย่อมทำให้หมดสติปัญญา ความคิดที่
เคยเฉลียวฉลาดก็กลายเป็นความปิดตันอั้นตู้ไปหมดไม่มีทางออก
นอกจากนั่งเฝ้านอนเฝ้าทุกข์ แสดงความทุรนทุรายไปตามเรื่องคน
ไม่มีทางออก ไม่สนใจแสวงหาทางออกโดยถูกทางเท่านั้น
สมุทัยคือความคิดปรุงหรือวาดภาพต่าง ๆ เกี่ยวกับตัณหา
สามตัว คือกามตัณหา ภวตัณหา วิภวตัณหา เป็นผู้นำและนำให้คิดปรุงแบบไม่มีประมาณจนเลยขอบเขต และขนทุกข์มาเผาลน
จิตใจให้กลายเป็นไฟชนิดที่ก่อแล้วดับไม่ลง หรือไม่สนใจจะดับ
นอกจากเสริมให้แสดงเปลวขึ้น จนกลายเป็นไฟเผาโลกไปได้ไม่มีทาง
สิ้นสุด สมุทัยได้แก่ตัณหาสามนี่แล คือเครื่องปิดกั้นมรรคผล
นิพพานได้อย่างมืดมิดปิดตาย ไม่มีวันมีคืนหรือความสว่างใด
สามารถกำจัดได้ และก็มีสัจธรรมนี้เท่านั้น ที่สามารถรื้อถอนสมุทัย
ความมืดมนให้สูญสิ้นไปได้อย่างไม่มีปัญหา
สัจธรรมที่เป็นฝ่ายแก้เบื้องปลายคือนิโรธกับมรรค นี่คือ
เครื่องมือ แม้สมุทัยทุกชนิดไม่มีสิ่งใดสามารถเสมอเหมือนได้ นิโรธ
ย่อมทำหน้าที่ดับทุกข์ไปเป็นลำดับตามอำนาจของมรรคคือศีล
สมาธิ ปัญญาที่มีกำลัง เมื่อมรรคมีกำลังพอ กิเลสย่อมหาที่ซ่อนตัว
อยู่ไม่ได้ กลายเป็นความดับทุกข์ไปโดยสิ้นเชิง ไม่มีกาลเวลาสถานที่
หรือสิ่งใดมาเกี่ยวข้องดังที่เข้าใจกัน มีนิโรธกับมรรคนี้เท่านั้นเป็น
ผู้ทำหน้าที่รื้อถอนกิเลสแต่ผู้เดียว
ความเชื่อสัจธรรมของพระพุทธเจ้าที่ผมอธิบายให้ฟังอยู่
ขณะนี้ ซึ่งเต็มไปด้วยธรรมของจริงกับความเชื่อลมที่ไม่มีน้ำมีเนื้อ
ปรากฏแต่เสียงดังกล่าวมานั้น มีผลต่างกันอย่างไรบ้าง ควรพิจารณา
ด้วยปัญญาและถือเอาประโยชน์จากธรรม อย่าให้สัมผัสแล้วผ่านไป
เปล่า ท่านยังมีความสงสัยอะไรอยู่อีกก็ควรแสดงออก เพราะโอกาส
แห่งธรรมสากัจฉาที่เป็นมงคลอย่างนี้หายาก ไม่มีในกาลทั่วไป
เมื่อพระอรหันต์ท่านหยุดนิ่งไปชั่วระยะหนึ่ง ไม่เห็นอาจารย์
องค์นี้เรียนถามอะไร ท่านจึงอธิบายพระวินัยต่อไปว่า พระวินัย
เป็นเครื่องประดับสมณะให้สวยงามทางความประพฤติ มรรยาท
ผู้เคร่งครัดในพระวินัยคือผู้มีมรรยาทกายวาจาใจงดงาม ความงามของสมณะคือ ความประพฤติ การแสดงออกทุกอาการไม่มีที่ต้องติ
สมณะมีพระวินัยเป็นคู่ชีวิตความเป็นอยู่ คือสมณะที่เย็น เย็นทั้ง
อยู่คนเดียว เย็นทั้งอยู่กับหมู่คณะและสังคมทั่วไป อยู่ในป่าในเขา
หรือเผชิญอันตรายต่าง ๆ ก็ไม่มีอะไรกล้าทำลาย เทวดาอารักขา
ประชาชนรักชอบ
พระวินัยเป็นทั้งปุ๋ยเป็นทั้งรั้วกั้นมรรคและผลมิให้รั่วไหล
แตกซึม ชีวิตของสมณะคือ ความเป็นผู้มีศีลบริสุทธิ์ เป็นชีวิต
อันสดชื่น เราเป็นสมณศากยบุตรที่มีศีลบริสุทธิ์ ไม่จำต้องเกิดทัน
พระพุทธเจ้าโดยถ่ายเดียว แม้เกิดกาลใด สถานที่ใด หรือเป็นลูกเต้า
เหล่าชาติชั้น วรรณะใด ก็คือ สมณศากยบุตรคนหัวปี คนกลางและ
คนสุดท้อง โดยสมบูรณ์อยู่นั่นเอง เช่นเดียวกับพ่อแม่มีลูกหลายคน
ซึ่งต่างเกิดในสถานที่และเวลาต่างกัน แต่ก็เป็นลูกของพ่อแม่โดย
สมบูรณ์ด้วยกันฉะนั้น
พอจบการแสดงธรรม ท่านพูดเป็นเชิงสั่งเสียด้วยความ
เป็นห่วงพระศาสนาและท่านอาจารย์องค์นั้นอย่างจับใจว่า จากนี้
ผมจะได้ลาท่านโดยทางภาพสมมุติ ท่านจงเป็นผู้มีศาสดาคือ
พระธรรมวินัยอยู่กับใจกายวาจาในทุกอิริยาบถเถิด ไม่มีสิ่งใด
จะแน่นอนและตายใจได้ในความหลุดพ้น ยิ่งกว่าพระธรรมวินัยอัน
เป็นนิยยานิกธรรมนี้เลย ท่านอย่ามองอย่าคิดเรื่องอะไรมากไป
กว่า การคิดเพื่อธรรมเพื่อวินัยอันเป็นพระนามของศาสดา น้อม
สงเคราะห์เข้าสู่ตน ความบริสุทธิ์หลุดพ้นจะเป็นสมบัติอันล้นค่า
ของท่านแต่ผู้เดียวดังนี้
ขณะจะเคลื่อนย้ายองค์จากที่และเหาะลอยขึ้นบนอากาศ
ท่านได้มองดูท่านอาจารย์องค์นั้นด้วยความอ่อนโยนด้วยเมตตาอยู่ครู่หนึ่ง จึงค่อย ๆ เหาะลอยขึ้นอย่างเชื่องช้า อันเป็นเชิงเรียกความ
สนใจใฝ่ฝันยึดมั่นเป็นอตีตารมณ์ไปนาน ๆ แก่ท่านอาจารย์องค์นั่ง
เพ่งเล็งท่านด้วยความเลื่อมใส อาลัยเสียดายทางจิตตภาวนา ราวกับ
ไม่กะพริบตาใจเลยในขณะนั้น จากนั้นภาพท่านก็หายไปในท่ามกลาง
อากาศ ไม่มีอะไรเหลืออยู่ นอกจากภาพแห่งความทรงจำที่ฝังลึก
อยู่ภายใน ไม่มีวันลบเลือนตลอดอวสานแห่งชีวิตท่านเท่านั้น
อันเป็นที่น่าอัศจรรย์ซึ่งไม่ค่อยปรากฏแก่ท่านบ่อยนัก ท่านว่า
คืนนี้ท่านก็ภาวนาจนสว่าง เช่นเดียวกับคืนวันพระอรหันต์
ภาหุละเหาะมาเยี่ยมแสดงธรรมโปรดเช่นกัน คือพอภาพพระ
อรหันต์กัสสปะท่านจากไปแล้ว ซึ่งนับแต่ท่านมาแสดงธรรมให้ฟัง
และสนทนากันอยู่เป็นเวลา ๓ ชั่วโมงเศษ จิตถึงถอนออกมา
ลำดับต่อไปท่านได้นำพระธรรมวินัยที่ได้รับเมตตาจากพระอรหันต์
ท่าน มาขบคิดอีกต่อหนึ่ง ทำให้เกิดความซาบซ่านไปทั่วสรรพางค์
ร่างกายและจิตใจ จนลืมหลับนอนในคืนวันนั้น เพราะธรรมที่ได้รับ
จากนิมิตที่ท่านมาแสดงให้ฟัง รู้สึกดื่มด่ำล้ำค่า ยากที่จะพรรณนา
ให้ถูกต้องตามความจริงได้ แม้เวลาอื่น ๆ ที่ไม่ได้เข้าสมาธิภาวนาก็
ทำให้จิตประหวัดถึงท่านไม่ว่างเว้นแต่ละเวลา รู้สึกเป็นกำลังใจ
ไปนาน การประกอบความเพียรก็เข้มแข็ง ความมุ่งมั่นในธรรมที่
จะพึงได้พึงถึงดังท่านเมตตาแสดงให้ฟัง ก็รู้สึกจดจ่อต่อเนื่อง
ผิดธรรมดาอยู่มาก ราวกับจะได้ถึงธรรมแดนพ้นทุกข์อยู่ทุกขณะที่
หวนระลึกถึงคำสั่งเสียท่าน (บางตอนท่านเน้นคำสำคัญ ๆ กับ
ท่านอาจารย์องค์นั้นโดยเฉพาะก็มี แต่ผู้เขียนไม่กล้านำลง เกรงจะ
เป็นการกระเทือนท่านและแสลงใจท่านผู้อ่านมากไป จึงขออภัย
ไว้ด้วยที่ไม่ได้นำลงให้บางท่านได้อ่านอย่างจุใจ)งูพิษที่เคยเป็นศัตรูต่อผู้คน
ได้กลายเป็นมิตรกับพระธุดงคกรรมฐาน
เป็นที่แปลกใจที่เรื่องไม่น่าเป็นไปได้ แต่ก็เป็นไปได้
อย่างน่าอัศจรรย์อีกเรื่องหนึ่งคือ ก่อนที่ท่านจะขึ้นไปพักบำเพ็ญ
สมณธรรมในถ้ำแห่งหนึ่ง ชาวบ้านแถบนั้นบอกว่ามีงูพิษสีดำ
ตัวหนึ่ง ใหญ่ขนาดเท่าถ่านไฟฉายชนิดใหญ่ ยาวประมาณเมตรเศษ
แต่ดุมากเป็นพิเศษ อาศัยอยู่ในถ้ำนั้นเป็นประจำมาหลายปี งูพิษ
ตัวนี้เคยทำอันตรายแก่คนมาแล้ว แต่ใคร ๆ ไม่กล้าทำไมมัน
กลัวว่าจะมีอะไรอยู่เบื้องหลัง จนชาวบ้านขนานนามให้มันว่า
“เจ้าถ้ำ” ใครขึ้นไปพักค้างคืนที่นั่นไม่ค่อยได้ เขาบอกว่าถ้ามีคน
ขึ้นไปพักค้างคืนในถ้ำนั้น ตอนเย็น ตอนกลางคืน หรือตอนเช้า ๆ
งูตัวนั้นจะออกมาแผ่แม่เบี้ยขู่ฟ่อ ๆ ถ้าพอกัดได้ก็กัดจริง ๆ ผู้คน
เคยเสียทีให้มันหลายรายแล้วจนเข็ดกัน ไม่มีใครกล้าไปพักค้างคืน
ในถ้ำนั้น
ท่านอาจารย์องค์นี้คิดอยากไปพักถ้ำนั้นเพื่อประกอบ
ความเพียร จึงวานให้ชาวบ้านไปส่ง แม้เขาบอกว่างูพิษตัวนี้ดุมาก
และอาจเป็นอันตรายได้เพราะมัน ก็ไม่มีใครทราบได้ จึงไม่อยากให้
ท่านไปพัก แต่ท่านก็ขอให้ญาติโยมไปส่งจนได้ โดยให้เหตุผลว่า
ถ้าถึงคราวแล้วแม้นอนอยู่ในบ้านก็ตาย ไม่มีใครห้ามได้ อาตมาเคย
เห็นมาแล้วจนเชื่อกรรมอย่างสนิทใจ การอยู่ถ้ำก็เคยอยู่มาจน
เคยชิน ร่างกายจิตใจของอาตมาถ้าเป็นวิสัยก็ควรเป็นได้ ก็น่าจะ
กลายเป็นหินเป็นเขาไปหมดแล้ว คงไม่ทนเป็นกายคนใจพระดังที่
เป็นอยู่นี้ได้เลย แม้อาตมาไปอยู่ในถ้ำนี้ถ้าไม่ถึงคราว ชีวิตก็คงจะ
เป็นชีวิตของพระของอาตมาอยู่ดังที่เคยเป็นมา ไม่น่าจะเป็นอื่นไปได้ งูเป็นสัตว์ เราเป็นคน และเป็นพระซึ่งถือศีลถือธรรมประจำใจ
มิได้ถือความอิจฉาบังเบียดทำลายใคร ถ้างูจะทำอันตรายก็ยอมตาย
เพราะกรรมไม่ดีของตนที่อาจหาญทำชั่วไว้ ดีกว่าการกลับกลัวผล
ไม่ดีจะตามสนองในภายหลังเป็นไหน ๆ นักปราชญ์ท่านยังจะ
ชมเชยว่าเป็นผู้เชื่อกรรมจริง แม้ตายเพราะเหตุดังกล่าวนี้ เสร็จแล้ว
ท่านก็ไปจริง ๆ โดยให้ญาติโยมตามส่ง
เมื่อไปพักอยู่ในถ้ำนั้นได้ความสะดวกกายสบายใจเพียง
คนเดียว พอตกวันที่สองตอนเย็นก็เห็นงูดำตัวนั้นเลื้อยออกมา
จากซอกหิน และค่อย ๆ เลื้อยตรงมายังท่านซึ่งกำลังนั่งรำพึง
อรรถธรรมอยู่บนแคร่เล็ก ๆ ด้วยสัญชาติญาณที่เคยถืออำนาจ
ในการทำลาย พอเห็นมันเลื้อยตรงเข้ามาหาอย่างไม่เกรงกลัว และ
ทำท่าจะเอาจริงเอาจังกับท่านจริง ๆ ท่านก็ระลึกคำที่ชาวบ้านเล่า
ให้ฟังได้ทันทีว่า ต้องเป็นงูเพชฌฆาตตัวที่ว่านั้นแน่ ๆ ไม่เช่นนั้น
จะไม่แสดงอาการอาจหาญถึงขนาดนี้เลย
เรามาบำเพ็ญธรรมอยู่ที่นี่ก็มิได้เบียดเบียนทำลายใคร
แม้สัตว์ตัวเล็ก ๆ ยังให้ความเมตตาต่อเขาเสมอด้วยชีวิตของตน
ไม่เคยคิดเย่อหยิ่งในตัวว่า ตนเป็นคนเป็นพระที่มีศักดิ์สูงกว่าสัตว์
ทั้งหลายซึ่งเป็นเพื่อนเกิดแก่เจ็บตายด้วยกันทั่วไตรภพ แม้งูดำตัวนี้
ก็เป็นสัตว์ที่นับเข้าในจำนวนเพื่อนสุขเพื่อนทุกข์เพื่อนเกิดเพื่อนตาย
ด้วยกัน แต่เหตุไฉนอยู่ ๆ ไม่มีเรื่องทะเลาะทุบถองตะบองตีอะไร
กันเลย งูตัวนี้ยังอุตส่าห์ตั้งหน้าตั้งตาเลื้อยเข้ามาเพื่อจะทำลายเรา
ซึ่งเป็นเพื่อนที่เชื่อถือในความเป็นความตายได้ผู้หนึ่ง ไม่มีเพื่อนใด
ในเขาลูกนี้จะเป็นที่เชื่อถือได้ยิ่งไปกว่าเมื่อย้อนมาระลึกถึงศีลของตนก็บริสุทธิ์ ธรรมมีความเมตตา
เป็นต้นก็เปี่ยมในจิตใจ ตามอำนาจของจิตของธรรมซึ่งมีในตนที่
อบรมมา ถ้าสัตว์ตัวนี้ยังจะกล้าทำอันตรายเราได้ลงคอแล้วก็ถือว่า
เราเองในอดีตชาติต้องเป็นผู้ทารุณโหดร้ายเหลือประมาณ น่าจะ
ไม่มีนรกหลุมใดต้านทานไว้ได้ ให้พ้นจากผลกรรมอันทารุณนั้นมา
แล้ว จำต้องมาเจอกับความทารุณของงูพิษตัวนี้ ที่ตนเคยสร้าง
ความทารุณแก่เขามาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ และก็ไม่จำเป็นต้อง
หลีกกรรมของตัว เพราะตัวเองกล้าทำ ตัวก็ต้องกล้ารับผล จึงจะ
สมนามว่าเป็นผู้เชื่อกรรมจริง
พอคิดตกก็พูดกับงูตัวเลื้อยมาหยุดอยู่ห่างองค์ท่านประมาณ
หนึ่งวา และกำลังแผ่แม่เบี้ยคอยโอกาสอยู่ว่า เรามาอยู่ที่นี่มิได้
มาเพื่อความมุ่งร้ายหมายโทษใครเลย แต่มาบำเพ็ญธรรม
เพื่อความสุขแก่ตนและเพื่อนร่วมชาติ โดยไม่นิยมประเภทว่า
เป็นใคร เราแผ่เมตตาเพื่อความสุขแก่สัตว์ทั้งปวง มีเธอด้วย
ผู้หนึ่งที่อยู่ในข่ายควรรับได้ ถ้าเธอยังหวังความสุขกายสบายใจ
เช่นสัตว์โลกทั่ว ๆ ไป ก็ควรรับเมตตาธรรมที่เย็นฉ่ำนี้ไปประดับตัว
ต่อไป ดีกว่ามาขู่เข็ญทำลายผู้อื่นซึ่งไม่เกิดประโยชน์อะไรเป็น
ไหน ๆ แม้ทำผู้อื่นให้เป็นอันตรายและตายไปด้วยพิษสงของเธอ
ส่วนตัวเองก็ไม่เห็นได้เลื่อนคุณงามความดีเป็นความสุขความเจริญ
ให้ยิ่งขึ้นไปอีก นอกจากจะลงไปจมอยู่ในกองทุกข์มีนรกเป็นต้น
เท่านั้น นี้เป็นผลที่ได้รับจากการเบียดเบียนทำลายผู้อื่น
เราไม่เห็นด้วย ไม่ยินดีด้วยกับการทำของเธอ เพราะ
เป็นงานส่งเสริมทุกข์เพื่อบีบบังคับตัวเอง เราเห็นด้วยเฉพาะผู้
ไม่เบียดเบียนทำลายผู้อื่น อันเป็นงานไม่สร้างความเดือดร้อนให้
เอาบุญมาฝากจะถวายสังฆทาน เจริญวิปัสสนา ให้ธรรมะเป็นทาน ให้อภัยทาน บอกบุญ สักการะพระธาตุ ให้อาหารสัตว์เป็นทาน ช่วยพ่อแม่ทำงานบ้าน ถวายข้าวพระพุทธ อนุโมทนาบุญกับผู้อื่น สร้างพระสร้างเจดีย์สร้างธรรมจักรสร้างรอยพระพุทธบาทสร้างระฆังและอัครสาวกซ้ายขวาสร้างพระสีวลีสร้างพระกัสสะปะสร้างพระอุปคุตสร้างพระองคุลีมารผสมทองคำเปลวพร้อมนำดอกไม้มาบูชาถวายพระรัตนตรัย
รักษาศีล เจริญภาวนา สวดมนต์ ให้อาหารสัตว์เป็นทานเป็นประจำ กรวดน้ำอุทิศบุญ อนุโมทนากับพ่อแม่ญาติพี่น้องที่รักษาศีล ฟังธรรม ให้ทาน อนุโมทนากับเพื่อนๆที่รักษาศีล ศึกษาการรักษาโรค ที่ผ่านมาคุณแม่ได้ถวายสังฆทานมาโดยตลอด ที่ผ่านมาได้ปิดทองพระ รักษาอาการป่วยของผู้อื่นกับผู้ร่วมงาน และที่ผ่านมาได้รักษาอาการป่วยของบิดามารดา ปล่อยชีวิตสัตว์มาโดยตลอด ถวายยาแก่ภิกษุ ขัดองค์พระ ถวายเทียน ให้ความรู้สมุนไพรเพื่อสุขภาพเป็นวิทยาทาน ที่ผ่านมาคุณแม่ได้ทำบุญหลายอย่างมาโดยตลอด ที่ผ่านมาได้ถวายสังฆทานและทำบุญสร้างอาคารผู้ป่วยและกฐินกับเพื่อนๆและให้อาหารเป็นทานแก่สรรพสัตว์กับเพื่อนๆและเพื่อนคนหนึ่งและบริวารของเพื่อนและครอบครัวของเพื่อนได้มีจิตเมตตาให้ทานและเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ช่วยเหลือผู้อื่นอยู่ตลอดและเพื่อนได้เคยสวดมนต์เย็นกับคุณแม่และที่ผ่านมาได้ทำบุญสักการะพระธาตุทำบุญปิดทองชำระหนี้สงฆ์และไหว้พระและทำบุญตามกล่องรับบริจาคตามวัดต่างๆกับเพื่อนและตั้งใจว่าจะสร้างบารมีให้ครบทั้ง 10 อย่างขอให้อนุโมทนาบุญด้วย
ขอเชิญถวายสังฆทาน เจริญวิปัสสนา ให้ธรรมะเป็นทาน ให้อภัยทาน บอกบุญ ให้อาหารสัตว์เป็นทาน สักการะพระธาตุ ฟังธรรม สวดมนต์ ช่วยพ่อแม่ทำงานบ้าน
รักษาศีล เจริญภาวนา สวดมนต์ สร้างพระสร้างเจดีย์สร้างธรรมจักรสร้างรอยพระพุทธบาท
สร้างระฆังและอัครสาวกซ้ายขวาสร้างพระสีวลีสร้างพระกัสสะปะสร้างพระอุปคุตสร้างพระองคุลีมารผสมทองคำเปลวพร้อมนำดอกไม้มาบูชาถวายพระรัตนตรัย กรวดน้ำอุทิศบุญ ถวายข้าวพระพุทธ อนุโมทนาบุญกับผู้อื่น สนทนาธรรม
ถวายข้าวพระพุทธ อนุโมทนาบุญกับผู้อื่น รักษาอาการป่วยของผู้อื่น รักษาอาการป่วยของบิดามารดา
ปิดทอง สักการะพระธาตุ กราบอดีตสังขารเจ้าอาวาสที่ไม่เน่าเปื่อย ที่วัดแจ้ง อ.เมือง จ.ปราจีนบุรี ปิดทองพระ ปล่อยชีวิตสัตว์ถวายยาแก่ภิกษุ ไหว้พระตามวัดต่างๆ ขัดองค์พระ ให้ความรู้สมุนไพรในการดูแลสุขภาพเป็นทาน
และสร้างบารมีให้ครบทั้ง 10 อย่างขอเชิญร่วมบุญกุศลร่วมกันนะ
Powered by phpBB © phpBB Group.
phpBB Mobile / SEO by Artodia.