แก่ใคร ตนก็เย็นผู้อื่นก็เย็น มองเห็นกันราวกับมิตรที่เคยสนิทกันมา ตั้งพันกัปแสนกัลป์ เราเป็นเพื่อนร่วมทุกข์เกิดแก่เจ็บตายด้วยกัน ไม่บังควรที่จะทำความทุกข์ร้อนแก่กันอันเป็นการเพิ่มทุกข์แก่ตัว อีกด้วย เรามาอยู่ที่นี่เพื่อสมานมิตรกับเธอและสัตว์ทั่วไป จงเห็นใจ เราผู้เป็นมิตรด้วยความซื่อสัตย์สุจริต เธอรับความเป็นมิตรและ เมตตาธรรมจากเราแล้วจงไปอยู่เป็นสุขๆ เมื่อไปแล้วอยากมา เยี่ยมเยียนเราอีกเป็นครั้งคราวก็มาได้ตามอัธยาศัย เรายินดีเป็นมิตรกับเธอตลอดไป ไม่รังเกียจว่าเธอเป็นสัตว์ เราเป็นคนและเป็นพระ เราถือว่าเราเป็นเพื่อนเกิดเพื่อนตาย ด้วยกัน จึงมิได้ถือว่าใครยิ่งหย่อนกว่าใคร ตลอดวาสนาบารมีก็ ต่างคนต่างมีตามกำลังของตนที่สร้างมา หรือเธออาจมีวาสนาบารมี แก่กล้ายิ่งกว่าเราก็ไม่อาจทราบได้ เพราะต่างคนต่างมีกรรมดีและชั่ว ติดแนบอยู่กับตัวด้วยกัน บางทีเธอละจากชาติเป็นสัตว์นี้แล้ว เลื่อนฐานะขึ้นมาเกิดเป็นมนุษย์บรรลุถึงความบริสุทธิ์หลุดพ้นไป ก่อนเรา ผู้กำลังกำดำกำขาวกับกิเลสตัวโสมมอยู่เวลานี้ก็เป็นได้ ถ้า เธอไม่สร้างความชั่วทับถมตัวเข้าไปอีก ดังจะสร้างกรรมไม่ดีกับเรา อยู่ขณะนี้ พอพูดกับงูจบลง ท่านนึกอธิษฐานจิตขออำนาจเมตตาธรรม ที่เคยค้ำจุนโลกมาประจำแผ่นดิน จงดลบันดาลให้งูตัวนี้จงกลับใจ จากความเป็นศัตรูกลายมาเป็นมิตรสนิทสนมกันโดยธรรมเถิด ดังนี้ เป็นที่ประหลาดและอัศจรรย์เกิดคาดว่าอะไรบันดาลก็ไม่น่าจะพูดได้ ถูกต้อง ทำให้งูตัวกำลังจะทำอันตรายท่านอยู่ในไม่กี่วินาทีข้างหน้า กลับอาการที่เป็นศัตรูลงในทันทีทันใด คืองูตัวนั้นกลับเอาศีรษะลง หมอบสงบนิ่งอยู่ประมาณ ๑๐ นาที แล้วหันศีรษะเลื้อยกลับไปและค่อย ๆ เลื้อยหายเงียบไปในเวลานั้น วันต่อมาก็มาหาท่านอีก และมาแทบทุกวัน แต่มิได้แสดงอาการน่ากลัวเหมือนวันแรกเลย เป็นเพียงค่อย ๆ เลื้อยเข้ามาถึงที่เก่า แล้วทำตัวสงบนิ่งอยู่ครู่หนึ่ง แล้วก็เลื้อยกลับไป ท่านว่าท่านเห็นความอัศจรรย์ของเมตตาธรรมประจักษ์ใน คราวนั้น อย่างถึงใจอีกครั้งหนึ่ง นับแต่วันนั้นมา ท่านกับงูตัวนั้น เลยอยู่ร่วมกันด้วยความสงบสุข ไม่มีอะไรเป็นที่ระแวงกันเลย ถึง เวลางูตัวนั้นอยากออกมาเที่ยวป้วนเปี้ยนอยู่แถวบริเวณหน้าถ้ำที่ ท่านพักอยู่ ก็มาในฐานะสัตว์ที่คุ้นกับคนด้วยดีแล้ว ต่างไม่ระวัง ระแวงซึ่งกันและกัน เมื่อคิดอยากออกมาเที่ยวตามภาษาของมัน เวลาใดก็ออกมาตามสบาย ไม่ค่อยมีเวล่ำเวลาเหมือนแต่ก่อน เช่น ที่ชาวบ้านเล่าให้ฟัง เรื่องทำนองนี้ผู้เขียนเชื่อมานานแล้ว จะว่าโง่ก็ยอมรับ เพราะตัวเองก็เคยพบบ้างและครูบาอาจารย์ทั้งหลาย มีท่าน อาจารย์มั่นเป็นต้น ก็เคยเล่าให้ฟังอยู่เสมอว่า สัตว์ทุกจำพวก ไม่ค่อยกลัวพระ และชอบมาอยู่อาศัยตามบริเวณที่ท่านพักอยู่เป็น พวก ๆ ฝูง ๆ ทั้งสัตว์ใหญ่ เช่น หมู กวาง อีเก้ง เป็นต้น ทั้งสัตว์ ตัวเล็ก เช่น กระจ้อน กระแต อีเห็น งู เป็นต้น เนื่องจากสัตว์ส่วน มากรู้อากัปกิริยาของผู้ไม่เบียดเบียนและทำลายได้ดี พระไปพักอยู่ ที่ไหนนาน ๆ หน่อยมักจะมีสัตว์ต่าง ๆ เข้ามาอาศัยอยู่ด้วย ท่าน เองก็เมตตาชอบเล่นกับมันและชอบเอาอาหารให้มันทานเสียด้วย ซึ่งสัตว์บางชนิดชอบทานกล้วย ผลไม้ ข้าว ประจำชีวิตของมัน ส่วนน้ำเป็นอาหารจำเป็นของสัตว์แทบทุกประเภท ฉะนั้นเวลา พระท่านเห็นสัตว์ต่าง ๆ มาอาศัยมากเข้า จำต้องหาภาชนะใส่น้ำไปตั้งไว้ในที่ที่ควรแก่สัตว์เหล่านั้นจะมาดื่มกินกันได้ เพราะเหตุแห่งความมีเมตตาจิตเป็นมูลฐาน ทำให้สัตว์และ คนมีความสนิทไว้ใจกับพระเป็นพิเศษ สมกับเป็นเพศที่เย็น ไม่เป็น ภัยแก่ใคร ๆ มาแต่กาลไหน ๆ ดังนั้นเรื่องที่ท่านอาจารย์องค์นั้น เล่าให้ฟัง จึงเป็นความจริงตามเหตุการณ์ที่เคยเป็นมาดั้งเดิม โดยมากพระธุดงคกรรมฐานที่ปฏิบัติเด็ดเดี่ยวอาจหาญมักผจญภัย เสมอ แต่ก็เอาตัวรอดไปได้ไม่เป็นเหยื่อแก่ภัยนั้น ๆ จึงทำให้คิด และมั่นใจว่า ผู้มีธรรมในใจและผู้มุ่งมั่นต่อธรรมอย่างยิ่ง แม้จะ เผชิญกับเหตุการณ์ต่าง ๆ ก็มักมีชัยชนะโดยธรรมเสมอ ไม่ค่อยมี อะไรทำร้ายให้ล่มจมฉิบหายเหมือนธรรมดาทั่ว ๆ ไป คล้ายกับมี ปาฏิหาริย์ลึกลับอยู่ในตัว แบบพูดยาก ๆ บอกใครไม่ได้ แต่เรื่องก็ เป็นอย่างนั้นจริง ทั้งนี้ ทราบจากหมู่เพื่อนเคยเล่าเหตุการณ์ทำนอง นี้ให้ฟังเสมอ ท่านอาจารย์องค์นี้ท่านมีนิสัยเด็ดเดี่ยว และชอบไปและ อยู่ลำพังคนเดียวไม่ค่อยเกี่ยวข้องกับเพื่อนฝูง โดยให้เหตุผลเป็นที่ จับใจว่า การไปคนเดียวอยู่คนเดียว ทำให้มีสติระลึกรู้ตัวอยู่ เสมอ ไม่ค่อยเผลอไผลไปกับเรื่องต่าง ๆ ดังอยู่กับหมู่เพื่อนที่ จำต้องพูดคุยกันบ้างในบางเวลา ส่วนการอยู่คนเดียวนั้นเป็น เรื่องของคน ๆ เดียวแท้ ๆ ไม่มีอารมณ์เกี่ยวเกาะ อิริยาบถ ต่าง ๆ เป็นไปกับความเพียร มีสติติดต่อสืบเนื่องกันไม่ขาดสาย คนเราถ้าสติอยู่กับตัวย่อมมีทางทราบเรื่องต่าง ๆ ที่เกิดกับตัว ได้ดี แม้ถึงคราวจวนตัวก็ไม่พะวักพะวนกับใคร มีตัวคนเดียว เป็นผู้รับผิดชอบในเรื่องของตัว หากจำเป็นถึงคราวเข้าจริง ๆ ชีวิตจิตใจก็มอบไว้กับคติธรรมดา ไปอย่างเป็นธรรม ไม่ต้องยุ่งไม่ต้องห่วงไม่ต้องหวงให้เป็นภาระห่วงใย ยอมตายไปกับเหตุการณ์ นั้น ๆ อย่างสบายหายห่วง เรื่องศพเรื่องเมรุ เมื่อเจ้าของหมด ความห่วงใยไร้กังวลแล้ว ก็เป็นเพียงวัตถุชิ้นหนึ่งที่ปราศจากราคา ค่างวดใด ๆ ทั้งสิ้นเท่านั้น นอนจมไปกับดินกับหญ้า เช่นวัตถุ ทั้งหลายนั่นเอง ไม่มีอะไรแปลกต่างกัน ท่านพูดน่าฟัง ฟังแล้วจับใจไพเราะ ทั้งเหมาะกับจริตของ ผู้ตั้งหน้าเป็นศากยบุตรพุทธชิโนรสตามรอยพระบาทแท้ นาน ๆ จะได้เจอสักราย ฟังแล้วจำไว้เพื่อเป็นขวัญตาขวัญใจระลึกไว้นาน ๆ ประวัติท่านจะเป็นคติตัวอย่างอันดีแก่คนรุ่นหลังสืบต่อก่อแขนงกัน ต่อไปไม่มีสิ้นสุด ธุดงควัตรที่ประทานไว้เพื่อหมู่ชนก็ไม่เป็นโมฆะ จมไปกับดินกับหญ้าเสียหมด เป็นที่น่าสังเวชสลดใจ ยังมีผู้อุตส่าห์ ดำเนินตามและเก็บดอกผลที่เกิดจากการปฏิบัติของตนไม่ขาดสาย โดยเป็นความสงบสุขตามลำดับขั้นภูมิของจิตของธรรม นับแต่ ขั้นสมาธิถึงขั้นปัญญา จนกลายเป็นขั้นวิมุตติหลุดพ้นเหนืออำนาจ แห่งไตรลักษณ์ คือ อนิจฺจํ ทุกฺขํ อนตฺตา ที่ผู้มีกิเลสทั้งหลาย ติดข้องอยู่ พระที่ท่านชอบอยู่ป่าอยู่เขาอยู่ถ้ำและเงื้อมผา รู้สึกมีเรื่อง สะดุดใจให้ท่านผู้อ่านได้คิดอยู่มากกว่าที่พักอยู่ในที่ธรรมดา ดังท่านอาจารย์องค์ที่กำลังนำลงอยู่เวลานี้ แม้จะถวายนามท่านว่า “นักเผชิญ” ก็ไม่น่าจะผิดและเสียความเคารพ เพราะการเผชิญก็ เพื่อบุกเบิกหาธรรมของจริง การถวายนามก็อนุวัติไปตามปฏิปทา ของท่านที่หนักไปในทางเป็นนักต่อสู้หรือเผชิญ โดยไม่ลดละล่า ถอยให้เหตุการณ์นั้น ๆ หัวเราะเยาะได้ การเป็นนักต่อสู้ในขณะที่ กำลังเผชิญกับเหตุการณ์นี้ ท่านยังจะได้อ่านเรื่องของท่านไปเรื่อย ๆ จนกว่าจะยุติ นี่ก็กำลังนำท่านผู้อ่านชมเหตุการณ์ที่ท่าน เผชิญมา คือขณะที่ท่านพักอยู่ในถ้ำแห่งหนึ่ง คืนนั้นเดือนหงาย ฟ้าขาว เดือนดาวสว่าง อากาศปลอดโปร่งสบาย ท่านกำลังเดิน จงกรมอยู่หน้าถ้ำ ขณะนั้นได้มีเสือโคร่งใหญ่ตัวหนึ่งใหญ่มาก ท่านว่าศีรษะกลม ๆ ของมันเท่าที่เห็นแล้ว ถ้าจะให้พูดตามความ ถนัดใจแล้วอยากพูดว่าใหญ่เท่าโอ่งน้ำเราดี ๆ นี่เอง ทีแรกได้ยิน เสียงมันคำรามเป็นเชิงขู่ให้กลัว อยู่ห่างจากท่านประมาณสิบวา พอ เปลี่ยนจากคำรามก็เป็นกระหึ่ม และกระหึ่มอย่างเต็มเสียงของมัน จนปรากฏสะเทือนไปทั่วภูเขา ตอนมันเริ่มคำรามมองไปไม่เห็นตัว ได้ยินแต่เสียง สักครู่ต่อมาก็ได้เห็นมันโผล่เข้ามาหาท่านด้วย ทั้ง เสียงกระหึ่มอย่างเต็มที่ และเดินเข้ามาหยุดยืนและนั่งแบบสุนัขนั่ง ไม่หมอบทำท่าจะทำอะไรท่านเลย นั่งอยู่ห่างท่านประมาณสองวา มองเห็นได้ถนัดชัดเจนตลอดลวดลายของมัน เพราะไฟเทียนไขที่จุด เดินจงกรมก็สว่างไสวอยู่ขณะนั้น เมื่อท่านเห็นมันมานั่งอยู่ต่อหน้า ท่านนึกขึ้นมาในใจว่า เสือโคร่งตัวนี้จะมาทำไมกัน ดินทั้งแผ่นที่กว้างแสนกว้าง มันทำไม ไม่ไป แต่มาคิดสร้างความสนุกบนหัวใจคนซึ่งกำลังกลัว ๆ เอา อะไรกัน ท่านยืนดูมันที่กำลังนั่งกระหึ่มสนุกอยู่ครู่หนึ่ง ในใจมีรู้สึก เสียว ๆ บ้างเพียงเล็กน้อย ไม่แสดงความกลัวออกมาอย่างเปิดเผย อะไรเลย จึงค่อยเดินเข้าไปหาและพูดกับมันว่า ที่นี่เป็นที่ของพระ ท่านบำเพ็ญสมณธรรมต่างหาก มิใช่ทำเลเที่ยวของเธอนี่นา ขึ้นมาทำไมกัน โน้นไปเที่ยวสนุกสนานกับหมู่เพื่อนของเธอโน้นซิ ไปเสีย พระก็มิใช่พระอิฐพระปูน สิ่งน่ากลัวก็ต้องกลัวเหมือนสัตว์ทั่วไปนั่นแล พอพูดจบก็ก้าวเข้าไปหามัน ท่านว่าท่านเดินเข้าไปจวนจะ ถึงตัวมันประมาณเมตรเศษเท่านั้น มันจึงโดดหนี ปุบเดียวไม่ทราบ หายไปไหน และหายไปอย่างรวดเร็วยังกับปาฏิหาริย์ มองดักหน้า ดักหลังที่ไหนก็ไม่เห็น ทำให้แปลกใจไม่หายแต่บัดนั้นเป็นต้นมา เพราะสถานที่ท่านพักอยู่และที่ที่เสือโคร่งใหญ่ตัวนั้นมานั่งอยู่ก็ เตียนโล่ง ไม่มีอะไรปิดบังกีดขวางพอจะมองไม่เห็นขณะที่มันโดดหนี ไป จึงทำให้ท่านแปลกใจตลอดมา พอมาหาท่านอาจารย์มั่น ได้ โอกาสจึงเล่าถวายท่านและเรียนถามถึงเรื่องเสือที่โดดหายตัวไป อย่างรวดเร็วนั้น ว่าเป็นเพราะเหตุไร ท่านอาจารย์มั่นชี้แจงให้ฟังว่า นั่นมิใช่เสือจริง แต่เป็น เสือเทพบันดาลต่างหาก เพราะพวกเทพมีฤทธิ์มากผิดมนุษย์เรา สามารถจำแลงกายหยาบกายละเอียด หรือนิรมิตเป็นสัตว์เป็นเสือ หรือเป็นคนหญิงชายต่าง ๆ ได้ไม่ติดขัด บางครั้งเวลาเขามาหาเรา ยังมาในรูปต่าง ๆ ได้ในเทพคนเดียวกัน เสือตัวที่มาหาท่านนั้น ถ้า เป็นเสือจริงลงได้ตั้งหน้ามาขนาดนั้น ต้องมีความมุ่งหวังจะกินคน เป็นอาหารแน่นอนถึงได้มา ทั้งที่รู้อยู่ว่าคนซึ่งเป็นที่เกรงขามของ สัตว์ของเสือทั้งหลาย เสือที่เทพบันดาลใจก็มี เสือที่เทพนิรมิตเอง ก็มี แต่เสือที่มาหาท่านนั้นเป็นเสือเทพนิรมิต ฉะนั้นการโดดหนีของ เสือตัวนั้นจึงรวดเร็วผิดธรรมดาจนมองไม่ทันว่าไปยังไงมายังไง สำหรับผมมันเคยชินกับพวกสัตว์เสือ เทวบุตรเทวธิดา มาแล้ว เวลาไปอยู่ในป่าในเขาคนเดียว การอยู่ก็อยู่เพราะธรรม เนื่องจากธรรมมีอำนาจมาก สัตว์ทั้งหลายเคารพรัก ใจที่มีธรรม ย่อมทรงอำนาจในตัวเอง แต่อำนาจทางธรรมไม่เหมือนทางโลกซึ่งคอยแต่จะกำเริบอยู่เสมอ ผู้ถูกข่มขู่นั้นกลัวจริงในขณะที่ถูกขู่ แต่ ใจไม่ยอมลงตามอำนาจความข่มขู่ เมื่อมีโอกาสยังคอยแก้แค้นจนได้ ดังที่เห็น ๆ กันอยู่ ฉะนั้นการใช้อำนาจทางโลกเพียงอย่างเดียว ไม่มีธรรมเข้าสนับสนุน โลกจึงหาความสงบเย็นได้ยาก ท่านจึงสอน ให้ปกครองโลกโดยธรรม ปกครองกันโดยธรรม โดยอาศัยความ ถูกต้องดีงามเป็นอำนาจ ไม่ใช่เอาอารมณ์หรือทิฐิมานะเป็นอำนาจ คำว่าธรรมมิได้เป็นรูปเป็นร่างที่มองกันด้วยตาเนื้อ แต่ธรรม เป็นธรรมชาติที่ละเอียดสุขุมสุดที่จะนำมาเทียบเคียงเปรียบเทียบกับ สิ่งสมมุติทั้งหลายได้ ใจเป็นความละเอียดฉันใด ธรรมย่อมมีความ ละเอียดฉันนั้น และใจเป็นที่สถิตอยู่ของธรรมทั้งหลาย นอกนั้นมิใช่ ที่สถิตอันถูกต้องของธรรม ธรรมจึงเป็นเรื่องพูดยากทั้งที่รู้อยู่อย่าง เต็มใจ นอกจากผู้ปฏิบัติและรู้ธรรมเป็นขั้น ๆ นั่นพอพูดกันได้ และ รู้เรื่องธรรมพอประมาณ ถ้ารู้ธรรมเต็มภูมิจิตภูมิธรรมโดยสมบูรณ์ แล้ว ย่อมพูดธรรมกันเข้าใจทุกแง่ทุกมุมไม่มีทางสงสัย คำว่าธรรม คืออะไร และอยู่ที่ไหนก็ทราบกันทันทีโดยไม่ต้องตอบให้เสียเวลา การอาศัยการถามและการตอบกันอยู่ ยังไม่เข้าในลักษณะของผู้รู้ ธรรมอย่างเต็มภูมิ นี่แล ธรรมแท้เป็นอย่างนี้ ถ้าใจปลอมพาให้เกิดธรรมปลอม แม้ถามและตอบกันวัน ยังค่ำก็ได้แต่ตัวทิฐิมานะเต็มหัวใจไม่ลงรอยกันได้ นั่นคือธรรมชื่อ คือได้แต่ชื่อของธรรม ไม่ได้ดวงธรรมแท้มาครองภายในใจ ธรรมชื่อ ใครเรียนก็จำได้ เพราะเป็นสิ่งที่ควรจำได้ด้วยกัน แต่สำคัญที่ ดวงธรรมแท้ที่มีชื่อในตัวเอง โดยไม่ต้องเป็นกังวลท่องบ่นจดจำให้ ลำบากนั้น ปฏิบัติยาก มองเห็นได้ยาก รู้ได้ยาก ธรรมแท้ที่ถูก กล่าวหาว่าปฏิบัติได้ยากรู้ได้ยากนี่แล ที่ไม่ขึ้นอยู่กับคำถามคำตอบเพราะเป็นความจริงล้วน หมดปัญหาโดยประการทั้งปวง และธรรม นี่แลมีอยู่ในโลกตลอดอนันตกาล ไม่เจริญและไม่เสื่อมไปกับอะไร คำว่าอำนาจธรรมก็คือธรรมนี่แลจะเป็นอะไรที่ไหนกัน ที่พูดนี้ ก็ไม่แน่ใจนักว่าหมู่คณะจะเข้าใจตามได้ทุกแง่แห่งธรรมที่พูดมา แต่ถึงกาลที่ควรพูดบ้างก็จำต้องพูด พอเป็น กาเลน ธมฺมสากจฺฉา เอตมฺมงฺคลมุตฺตมํ ที่จบลงนี้เป็นธรรมที่ท่านอาจารย์มั่นตอบ และอธิบายให้ ท่านอาจารย์องค์นั้นกับหมู่คณะฟัง ผู้เขียนก็เขียนสุ่ม ๆ เดา ๆ ไปตามที่ได้ยินได้ฟังมาอย่างนั้นเอง มิได้มีความเข้าใจในคำที่ท่าน สนทนากันทุกประโยคอะไรเลย ทั้งที่ไม่เข้าใจทุกคำแต่ก็ยังพยายาม ถูไถมาลงจนได้นั้น เพราะแน่ใจว่าคนเรามีความรู้ความฉลาดและ ความสามารถต่างกัน แม้ตนไม่รู้ไม่เข้าใจก็ยังมั่นใจว่า ท่านผู้ สามารถจะรู้จะเข้าใจในคำพูดของท่านอย่างแจ่มแจ้งชัดเจนคงมีอยู่ จึงได้นำมาลงเพื่อช่วยกันขบคิดบ้าง หวังจะเกิดประโยชน์แก่พวกเรา ตามฐานะที่ควรเป็นได้ เพราะคำพูดดังที่ท่านอาจารย์มั่นพูดสอง สามประโยคนี้ เป็นธรรมที่ค่อนข้างหาฟังได้ยาก แม้ไม่เข้าใจก็ยัง พอใจฟังและพอใจเขียน เพื่อท่านผู้อ่านได้ช่วยพิจารณาต่อไป ซึ่ง อาจเป็นเครื่องเสริมสติปัญญาได้บ้าง คำพูดท่านอาจารย์มั่นใน ลักษณะนี้ยังมีอีกมาก ผู้เขียนจะพยายามนำลงเรื่อยมาตามเรื่อง ปฏิปทากับเรื่องท่านอาจารย์จะเข้าสัมผัสที่ควรนำลงเป็นตอน ๆ ไป จนกว่าปฏิปทาจะจบลงด้วยดี นี้เป็นอีกถ้ำหนึ่งที่ท่านอาจารย์องค์นั้นพักเป็นเวลานานกว่า ที่อื่น ๆ แต่ไม่เคยปรากฏว่ามีสัตว์เสืออะไรมารบกวนให้ลำบาก แต่ จวน ๆ ท่านจะออกจากถ้ำนี้ไปเที่ยววิเวกแสวงธรรมตามอัธยาศัยเช้าวันหนึ่ง จวนเวลาท่านจะออกบิณฑบาต ก็ได้ยินเสียงเสือโคร่ง ใหญ่ครวญครางกระหึ่มขึ้นมาหาท่านจนถึงที่ที่ท่านพักอยู่จริง ๆ ขณะท่านมองเห็นตัวกำลังกระหึ่มขึ้นมา ทีแรกปรากฏขนลุกซ่าไป ทั้งตัว ร่างกายทุกส่วนชาไปหมด รู้สึกกลัวมากแทบหัวใจหยุด (ระยะนี้จิตใจท่านคงยังไม่เข้มแข็งพอ แต่การเขียนเรื่องก็ไม่ทราบว่า เหตุการณ์ใดเกิดก่อนแลหลังกัน ไม่ได้เรียนถามกาลเวลากับท่าน เป็นแต่พอท่านเล่าให้ฟังก็จดจำมาลงเลย จึงไม่ทราบระยะที่เกิด เหตุนั้น ๆ ว่าเกิดขึ้นเมื่อไรของการบำเพ็ญ กรุณาถือเอาใจความ ในเรื่องทีเดียวจะเป็นความสะดวกในการอ่าน) เพราะมันเดินตรงมายังท่านด้วยความตั้งใจจริง ทั้งที่มันก็ มองเห็นท่านอยู่แล้วนับแต่ขณะที่โผล่หน้าขึ้นมา ซึ่งควรจะหยุดแค่ ระยะที่มันมองเห็นท่านอยู่แล้ว แต่ยังทั้งเดินทั้งทำเสียงครวญคราง เข้ามาจนถึงท่าน ซึ่งห่างกันประมาณสองวาเศษเท่านั้น พอเข้ามา ถึงที่นั้นแล้วก็หยุดนั่งเหมือนสุนัขบ้านนั่ง และจ้องมองหน้าท่าน เขม็งแบบไม่กะพริบตาเลย แต่มิได้หมอบทำท่าจะทำอะไรท่าน อาการของมันเหมือนตัวที่มาหาท่านคราวที่แล้วนั้น ไม่มีอาการว่า จะเอาจริงเอาจังอะไรกับท่าน แต่ขึ้นชื่อว่าสัตว์น่ากลัวแล้ว แม้ ไม่แสดงอาการเป็นที่น่ากลัวก็จำต้องกลัวมันอยู่นั่นเอง พอเห็นมันมองท่าน ท่านเองก็มองมันด้วยความกลัวอยู่ พักหนึ่ง พอตั้งสติได้ท่านก็ยกมือชี้บอกมันว่า ที่นี่มิใช่ที่สำหรับ ท่องเที่ยวของเธอ แต่เป็นที่อยู่ของพระท่านบำเพ็ญภาวนาต่างหาก จงไปเสียที่อื่นซึ่งมีป่าและเขามากยิ่งกว่าที่นี่ แต่มันก็ยังนั่งมองท่าน อยู่ไม่ยอมไป ท่านจึงจับไม้เท้าชี้บอกมันอีกว่า จงไปที่โน้น ภูเขา ลูกโน้นซึ่งมีที่เที่ยวถมไป อย่ามานั่งดูให้พระกลัว เรามิใช่สัตว์มิใช่เนื้อ มิใช่อาหารของเสือเช่นเธอ เราเป็นพระผู้ทรงศีลทรงธรรม อย่ามาทำให้เรากลัว เดี๋ยวเวลาเธอตายไปตกนรกหลุมกลัว ๆ นะ จะว่าไม่บอก แล้วก็ชี้ไม้เท้าบอกมันอีกว่า จงหนีไปเดี๋ยวนี้ เรากลัว เธอมาก ตาเธอก็ตาเสือ แหลมคมยิ่งกว่าอะไร ถ้าขืนมองเรานานๆ เผื่อเรากลัวมากและตายไปเธอจะตกนรกจริง ๆ นะ พอจบคำ ท่านก็ลุกจากที่ชี้ไม้และเดินเข้าไปหามัน มันจึง โดดหนีไปในขณะนั้น พอมันหนีไปแล้วนึกกลัวขึ้นมาอีก เพราะคิด ว่ามันอาจตามเราไปเวลาไปบิณฑบาต เพราะเป็นป่าดงพงลึกทั้งสิ้น แต่ไม่เห็นมันตามไปดังที่คิดไว้ วันนั้นนึกกลัวทั้งวัน เกรงว่ามันอาจ ขึ้นมาหาเราอีกก็ได้ ตอนกลางคืนก็คิดแต่เรื่องเสือจะขึ้นมาหา ท่าเดียว เลยไม่เป็นอันภาวนาให้สนิทใจได้ จำต้องสั่งสอนตนแทบ ทั้งคืน ใจจึงยอมสงบลงได้ จากนั้นก็หายกลัวอยู่ได้ด้วยความสงบสุข เสือตัวนั้นก็ไม่เห็นกลับมาอีก จนกระทั่งท่านจากที่นั้นไป ท่านว่า เสือตัวนี้ใหญ่และยาวมาก น่ากลัวจริงๆ คล้ายกับเป็นเสือลึกลับ ไม่ใช่เสือธรรมดา ใหญ่พอๆ กันกับตัวที่มาหาตอนกลางคืนวันนั้น ลักษณะอาการก็คล้ายคลึงกัน ความรวดเร็วก็พอๆ กัน จึงทำให้คิด ว่าน่าเป็นเสือเทพบันดาลดังท่านอาจารย์มั่นว่าไม่ผิด เห็นแล้วน่า กลัวจนแทบตั้งสติไว้ไม่อยู่ดังนี้ ท่านพรรณนาคุณของการอยู่ป่าและคุณของจิตใจที่เผชิญ เหตุการณ์ต่าง ๆ ให้ฟังอย่างจับใจ แต่ผู้เขียนจำไม่ได้มากเพราะ นิสัยขี้ลืม ท่านว่าเวลาจำเป็นด้วยเหตุการณ์ต่าง ๆ บังคับ ใจ รู้สึกเหมือนมีอะไรป้องกันอยู่ภายในชอบกลชนิดบอกไม่ถูก การ สร้างตัวของจิตในเวลาจำเป็นก็ง่ายและรวดเร็วผิดธรรมดา อยู่มาก จึงทำให้จำต้องชอบอยู่ในที่คับขัน ทั้งที่ปกติเป็นคน
เอาบุญมาฝากจะถวายสังฆทาน เจริญวิปัสสนา ให้ธรรมะเป็นทาน ให้อภัยทาน บอกบุญ สักการะพระธาตุ ให้อาหารสัตว์เป็นทาน ช่วยพ่อแม่ทำงานบ้าน ถวายข้าวพระพุทธ อนุโมทนาบุญกับผู้อื่น สร้างพระสร้างเจดีย์สร้างธรรมจักรสร้างรอยพระพุทธบาทสร้างระฆังและอัครสาวกซ้ายขวาสร้างพระสีวลีสร้างพระกัสสะปะสร้างพระอุปคุตสร้างพระองคุลีมารผสมทองคำเปลวพร้อมนำดอกไม้มาบูชาถวายพระรัตนตรัย รักษาศีล เจริญภาวนา สวดมนต์ ให้อาหารสัตว์เป็นทานเป็นประจำ กรวดน้ำอุทิศบุญ อนุโมทนากับพ่อแม่ญาติพี่น้องที่รักษาศีล ฟังธรรม ให้ทาน อนุโมทนากับเพื่อนๆที่รักษาศีล ศึกษาการรักษาโรค ที่ผ่านมาคุณแม่ได้ถวายสังฆทานมาโดยตลอด ที่ผ่านมาได้ปิดทองพระ รักษาอาการป่วยของผู้อื่นกับผู้ร่วมงาน และที่ผ่านมาได้รักษาอาการป่วยของบิดามารดา ปล่อยชีวิตสัตว์มาโดยตลอด ถวายยาแก่ภิกษุ ขัดองค์พระ ถวายเทียน ให้ความรู้สมุนไพรเพื่อสุขภาพเป็นวิทยาทาน ที่ผ่านมาคุณแม่ได้ทำบุญหลายอย่างมาโดยตลอด ที่ผ่านมาได้ถวายสังฆทานและทำบุญสร้างอาคารผู้ป่วยและกฐินกับเพื่อนๆและให้อาหารเป็นทานแก่สรรพสัตว์กับเพื่อนๆและเพื่อนคนหนึ่งและบริวารของเพื่อนและครอบครัวของเพื่อนได้มีจิตเมตตาให้ทานและเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ช่วยเหลือผู้อื่นอยู่ตลอดและเพื่อนได้เคยสวดมนต์เย็นกับคุณแม่และที่ผ่านมาได้ทำบุญสักการะพระธาตุทำบุญปิดทองชำระหนี้สงฆ์และไหว้พระและทำบุญตามกล่องรับบริจาคตามวัดต่างๆกับเพื่อนและตั้งใจว่าจะสร้างบารมีให้ครบทั้ง 10 อย่างขอให้อนุโมทนาบุญด้วย
ขอเชิญถวายสังฆทาน เจริญวิปัสสนา ให้ธรรมะเป็นทาน ให้อภัยทาน บอกบุญ ให้อาหารสัตว์เป็นทาน สักการะพระธาตุ ฟังธรรม สวดมนต์ ช่วยพ่อแม่ทำงานบ้าน รักษาศีล เจริญภาวนา สวดมนต์ สร้างพระสร้างเจดีย์สร้างธรรมจักรสร้างรอยพระพุทธบาท สร้างระฆังและอัครสาวกซ้ายขวาสร้างพระสีวลีสร้างพระกัสสะปะสร้างพระอุปคุตสร้างพระองคุลีมารผสมทองคำเปลวพร้อมนำดอกไม้มาบูชาถวายพระรัตนตรัย กรวดน้ำอุทิศบุญ ถวายข้าวพระพุทธ อนุโมทนาบุญกับผู้อื่น สนทนาธรรม ถวายข้าวพระพุทธ อนุโมทนาบุญกับผู้อื่น รักษาอาการป่วยของผู้อื่น รักษาอาการป่วยของบิดามารดา ปิดทอง สักการะพระธาตุ กราบอดีตสังขารเจ้าอาวาสที่ไม่เน่าเปื่อย ที่วัดแจ้ง อ.เมือง จ.ปราจีนบุรี ปิดทองพระ ปล่อยชีวิตสัตว์ถวายยาแก่ภิกษุ ไหว้พระตามวัดต่างๆ ขัดองค์พระ ให้ความรู้สมุนไพรในการดูแลสุขภาพเป็นทาน และสร้างบารมีให้ครบทั้ง 10 อย่างขอเชิญร่วมบุญกุศลร่วมกันนะ
|