นวรัตน์ดอทคอม

รวบรวมสาระความรู้เกี่ยวกับวัตถุมงคล-เครื่องรางของขลัง

  • Increase font size
  • Default font size
  • Decrease font size
วันเวลาปัจจุบัน พฤหัสฯ. 16 ม.ค. 2025 12:41 pm

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


Switch to mobile style


โพสต์กระทู้ใหม่ กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 
เจ้าของ ข้อความ
 หัวข้อกระทู้: เรื่องราว
โพสต์โพสต์แล้ว: อังคาร 06 มี.ค. 2012 10:23 am 
ออฟไลน์

ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ 07 มิ.ย. 2009 7:24 pm
โพสต์: 4804
หลายบทว่า อิเม เทฺว ธมฺมา พหูการา ความว่า ธรรม คือ สติ และ สัมปชัญญะ

๒ เหล่านี้ มีอุปการะ คือ นำประโยชน์เกื้อกูลมาให้ในที่ทั้งปวง เหมือนความไม่ประมาท

มีอุปการะในกิจทั้งหลายมีการบำเพ็ญศีลเป็นต้น ฉะนั้น. สติ ก็คือ สตินั่นเอง.

สัมปชัญญะ คือ ญาณ (ปัญญา)

หลายบทว่า สมโถ จ วิปสฺสนา จ ความว่า ธรรมอันเป็นโลกิยะ และโลกุตตระ ทั้ง ๒

เหล่านี้ ท่านกล่าวไว้ในสังคีติสูตร. สมถะ คือ สมาธิ. วิปัสสนา คือ ปัญญา.

นาม ได้แก่อรูปขันธ์ ๔ และนิพพาน ๑. อนึ่ง ขันธ์ ๔ ในบรรดาธรรมเหล่านั้น ก็ชื่อว่า

นาม แม้ด้วยอรรถว่า น้อมไป เพราะขันธ์เหล่านั้น ย่อมมุ่งหน้าน้อมไปในอารมณ์.

ขันธ์ ๔ ย่อมยังกันและกันให้น้อมไปในอารมณ์. นิพพานย่อมยังธรรมอันไม่มีโทษให้

น้อมไปในตน เพราะเป็นปัจจัยแห่งธรรมที่เป็นใหญ่ในอารมณ์.

คำว่ารูป หมายถึงมหาภูตรูป ๔ และรูปที่อาศัยมหาภูตรูป ๔. ทั้งหมดนั้นชื่อว่า รูป

เพราะอรรถว่า ต้องย่อยยับไป.

คำว่า อวิชฺชา ได้แก่ความไม่รู้ในสัจจะ มีทุกข์เป็นต้น. แม้เรื่องนี้ก็ได้กล่าวไว้โดย

ละเอียดแล้วในวิสุทธิมรรคเช่นกัน.

คำว่า ภวตณฺหา หมายถึงความปรารถนาภพ. สมดังที่ตรัสไว้ว่า "บรรดาตัณหาเหล่า

นั้น ภวตัณหา คืออะไร คือความพอใจความเป็นในภพทั้งหลาย" ดังนี้เป็นต้น.

คำว่า ภวทิฏฺฐิ ( นี้ ) ความเที่ยง ท่านเรียกว่า ภวะ คือ ทิฏฐิ ที่เกิดขึ้นด้วยอำนาจความ

เห็นว่าเที่ยง แม้ทิฏฐินั้นท่านก็แถลงรายละเอียด ไว้แล้วในพระอภิธรรมโดยนัยเป็นต้น

ว่า "บรรดาทิฏฐิเหล่านั้น ภวทิฏฐิคืออะไร คือ ทิฏฐิ ได้แก่ความเห็นที่เกิดขึ้นว่า "ตนมี

โลกมี" ดังนี้.

คำว่าวิภวทิฏฺฐิ (นี้) ความขาดสูญ ท่านเรียกว่า วิภวะ คือทิฏฐิที่เกิดขึ้นด้วยอำนาจเห็น

ว่าขาดสูญ แม้ที่นั้นท่านก็แถลงรายละเอียดไว้แล้วในพระอภิธรรมเช่นเดียวกันโดยนัย

เป็นต้นว่า "บรรดาทิฐิเหล่านั้น วิภวทิฏฐิ คือ อะไร คือ ทิฏฐิ ได้แก่ ความเห็นที่ว่า "ตน

ไม่มี โลกไม่มี" ดังนี้.

คำว่า โทวจสฺสตา มีบทอธิบายดังนี้ - การว่ากล่าวในบุคคลนี้ ผู้มักถือเอาแต่สิ่งน่า

รังเกียจ ติดใจในสิ่งที่เป็นข้าศึก ไม่เอื้อเฟื้อเชื่อฟัง เป็นการยาก ดังนั้น บุคคลผู้นี้จึงชื่อ

ทุพฺพโจ (ผู้ว่ายาก) การกระทำของบุคคลผู้ว่ายากนั้น ชื่อว่า โทวจสฺสํ, ภาวะของ

โทวจัสสะนั้น ชื่อว่า โทวจสฺสตา ภาวะแห่งการกระทำของผู้ว่ายาก - ความเป็นผู้ว่ายาก.

ความเป็นผู้ว่ายากนี้ รายละเอียดมีมาในพระอภิธรรมว่า "บรรดาธรรมเหล่านั้น

โทวจัสสตา คือ อะไร คือความเป็นผู้ว่ายากสอนยาก ในเมื่อเพื่อนสหธรรมิกกำลังว่า

กล่าวตักเตือนอยู่ โทวจัสสตานั้น โดยความหมาย ย่อมเป็นสังขารขันธ์ แต่บาง

ท่านกล่าวว่า คำนี้เป็นชื่อของขันธ์ทั้ง ๔ ที่เป็นไปโดยอาการเช่นนี้.

คำว่า ปาปมิตฺตตา มีบทอธิบายดังนี้ คนชั่วทั้งหลาย มีคนไร้ศรัทธาเป็นต้น เป็นมิตร

ของผู้นั้น ดังนั้น เขาจึงชื่อว่า ปาปมิตฺโต ภาวะแห่งปาปมิตตะนั้น ชื่อว่า ปาปมิตฺตตา

(ความเป็นผู้มีคนชั่วเป็นมิตร ). ความเป็นผู้มีคนชั่วเป็นมิตรนี้ รายละเอียดมีมาในพระ

อภิธรรม อย่างนี้ว่า "บรรดาธรรมเหล่านั้น ปาปมิตฺตตา คืออะไร ? คือ การคบหา

สมาคมส้องเสพ มั่วสุม จงรักภักดี ประพฤติคล้อยตามบุคคลผู้ไร้ศรัทธา ทุศีล ขาดการ

ศึกษา ตระหนี่ และไม่มีปัญญา"

แม้ปาปมิตตตานั้น โดยความหมาย ก็พึงทราบเช่นเดียวกับ โทวจัสสตา. ความเป็น

ผู้ว่าง่าย และความมีคนดีเป็นมิตร พึงทราบโดยนัยตรง กันข้ามจากที่กล่าวมาแล้ว.

คุณธรรมทั้ง ๒ ประการนี้ ในที่นี้ ท่านกล่าวระคนกันทั้งโลกิยะ และโลกุตตระ.

หลายบทว่า สตฺตานํ สงฺกิเลสาย สตฺตานํ วิสุทฺธิยา ความว่า อโยนิโสมนสิการ เป็น

เหตุ และเป็นปัจจัยเพื่อความเศร้าหมองแห่งสัตว์ทั้งหลาย โยนิโสมนสิการเป็นเหตุและ

เป็นปัจจัย เพื่อความหมดจดแห่งสัตว์ทั้งหลาย. เหมือนอย่างนั้นความเป็นผู้ว่ายาก

ความเป็นผู้มีมิตรชั่ว ก็เป็นเหตุ เป็นปัจจัยเพื่อความเศร้าหมองแห่งสัตว์ทั้งหลาย ความ

เป็นผู้ว่าง่าย ความเป็นผู้มีกัลยาณมิตร ก็เป็นเหตุ เป็นปัจจัยเพื่อความหมดจด แห่ง

สัตว์ทั้งหลาย เหมือนกัน.

อกุศลมูล ๓ (โลภะ โทสะ โมหะ) กุศลมูล ๓ (อโลภะ อโทสะ อโมหะ) โยคะ ๔

วิสังโยคะ ๔ เจโตขีละ ๕ อินทรีย์ ๕ อคารวะ ๖ คารวะ ๖ อสัทธรรม ๗ สัทธรรม ๗

กุสีตวัตถุ ๘ อารัพภวัตถุ ๘ อาฆาตวัตถุ ๙ อาฆาตปฏิวินัย ๙ อกุศลกรรมบถ ๑๐ กุศล-

กรรมบถ ๑๐ ตกเป็นธรรมอย่างละ ๒ มีประเภทดังที่กล่าวมาเหล่านี้ บัณฑิต พึงทราบ

ว่า แทงตลอดได้ยาก

สองบทว่า สงฺขตา ธาตุ ความว่า ขันธ์ห้าอันปัจจัยทั้งหลาย กระทำแล้ว. สองบทว่า

อสงฺขตา ธาตุ ความว่า พระนิพพาน อันปัจจัยทั้งหลายมิได้กระทำ.

พึงทราบวินิจฉัยในสองบทนี้ว่าวิชฺชา จ วิมุตฺติ จ ดังต่อไปนี้ วิชชา ๓ ชื่อว่า วิชชา

อรหัตตผล ชื่อว่าวิมุตติ

คำว่า ขเย ญานํ ได้แก่ ญาณในอริยมรรค อันทำให้กิเลสสิ้นไป. คำว่า อนุปฺปเท

ญาณํ ได้แก่ญาณในอริยผล อันเป็นผลที่ยังไม่เกิดโดยปฏิสนธิ หรือที่เกิดขึ้นในที่สุด

แห่งความไม่เกิดขึ้นแห่งกิเลสที่มรรคนั้น ๆ ฆ่าได้แล้ว. ด้วยเหตุนั้น ท่านจึงกล่าวว่า

คำว่า ขเย ญาณํ คือ ญาณของผู้พรั่งพร้อมด้วยมรรค. คำว่า อนุปฺปเท ญาณํ คือ ญาณ

ของผู้พรั่งพร้อมด้วยผล.



เอาบุญมาฝากจะถวายสังฆทาน เจริญวิปัสสนา ให้ธรรมะเป็นทาน ให้อภัยทาน บอกบุญ สักการะพระธาตุ ให้อาหารสัตว์เป็นทาน ช่วยพ่อแม่ทำงานบ้าน ถวายข้าวพระพุทธ อนุโมทนาบุญกับผู้อื่น สร้างพระสร้างเจดีย์สร้างธรรมจักรสร้างรอยพระพุทธบาทสร้างระฆังและอัครสาวกซ้ายขวาสร้างพระสีวลีสร้างพระกัสสะปะสร้างพระอุปคุตสร้างพระองคุลีมารผสมทองคำเปลวพร้อมนำดอกไม้มาบูชาถวายพระรัตนตรัย
รักษาศีล เจริญภาวนา สวดมนต์ ให้อาหารสัตว์เป็นทานเป็นประจำ กรวดน้ำอุทิศบุญ อนุโมทนากับพ่อแม่ญาติพี่น้องที่รักษาศีล ฟังธรรม ให้ทาน อนุโมทนากับเพื่อนๆที่รักษาศีล ศึกษาการรักษาโรค ที่ผ่านมาคุณแม่ได้ถวายสังฆทานมาโดยตลอด ที่ผ่านมาได้ปิดทองพระ รักษาอาการป่วยของผู้อื่นกับผู้ร่วมงาน และที่ผ่านมาได้รักษาอาการป่วยของบิดามารดา ปล่อยชีวิตสัตว์มาโดยตลอด ถวายยาแก่ภิกษุ ขัดองค์พระ ถวายเทียน ให้ความรู้สมุนไพรเพื่อสุขภาพเป็นวิทยาทาน ที่ผ่านมาคุณแม่ได้ทำบุญหลายอย่างมาโดยตลอด ที่ผ่านมาได้ถวายสังฆทานและทำบุญสร้างอาคารผู้ป่วยและกฐินกับเพื่อนๆและให้อาหารเป็นทานแก่สรรพสัตว์กับเพื่อนๆและเพื่อนคนหนึ่งและบริวารของเพื่อนและครอบครัวของเพื่อนได้มีจิตเมตตาให้ทานและเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ช่วยเหลือผู้อื่นอยู่ตลอดและเพื่อนได้เคยสวดมนต์เย็นกับคุณแม่และที่ผ่านมาได้ทำบุญสักการะพระธาตุทำบุญปิดทองชำระหนี้สงฆ์และไหว้พระและทำบุญตามกล่องรับบริจาคตามวัดต่างๆกับเพื่อนและตั้งใจว่าจะสร้างบารมีให้ครบทั้ง 10 อย่างขอให้อนุโมทนาบุญด้วย


ขอเชิญถวายสังฆทาน เจริญวิปัสสนา ให้ธรรมะเป็นทาน ให้อภัยทาน บอกบุญ ให้อาหารสัตว์เป็นทาน สักการะพระธาตุ ฟังธรรม สวดมนต์ ช่วยพ่อแม่ทำงานบ้าน
รักษาศีล เจริญภาวนา สวดมนต์ สร้างพระสร้างเจดีย์สร้างธรรมจักรสร้างรอยพระพุทธบาท
สร้างระฆังและอัครสาวกซ้ายขวาสร้างพระสีวลีสร้างพระกัสสะปะสร้างพระอุปคุตสร้างพระองคุลีมารผสมทองคำเปลวพร้อมนำดอกไม้มาบูชาถวายพระรัตนตรัย กรวดน้ำอุทิศบุญ ถวายข้าวพระพุทธ อนุโมทนาบุญกับผู้อื่น สนทนาธรรม
ถวายข้าวพระพุทธ อนุโมทนาบุญกับผู้อื่น รักษาอาการป่วยของผู้อื่น รักษาอาการป่วยของบิดามารดา
ปิดทอง สักการะพระธาตุ กราบอดีตสังขารเจ้าอาวาสที่ไม่เน่าเปื่อย ที่วัดแจ้ง อ.เมือง จ.ปราจีนบุรี ปิดทองพระ ปล่อยชีวิตสัตว์ถวายยาแก่ภิกษุ ไหว้พระตามวัดต่างๆ ขัดองค์พระ ให้ความรู้สมุนไพรในการดูแลสุขภาพเป็นทาน
และสร้างบารมีให้ครบทั้ง 10 อย่างขอเชิญร่วมบุญกุศลร่วมกันนะ


ข้างบน
 ข้อมูลส่วนตัว  
 
แสดงโพสจาก:  เรียงตาม  
โพสต์กระทู้ใหม่ กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิกใหม่ และ บุคคลทั่วไป 114 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ไปที่:  
cron
ขับเคลื่อนโดย phpBB® Forum Software © phpBB Group
Thai language by phpBBThailand.com
phpBB SEO