อะไรเล่าที่เป็นความสุขที่แท้จริง ?
ทุกคนต้องการความสุขไม่ต้องการความทุกข์ แต่อะไรเล่า เป็นความสุขที่แท้จริงของตัวเรา..
"คิดว่ากินนี่แหละก็พยายามหามาให้มันกิน พอกินมากก็อึดอัด คิดว่านอน ก็นอนจนหลังแข็งไม่สบายอีก คิดว่าเงินทองทรัพย์สมบัติก็ไปหามาใช้จนเต็มที่ ก็ยังไม่สุขอีก" ... แล้วอะไรเล่าที่เป็นความสุขที่แท้จริง ?
"ความสุขที่แท้จริงนั้นย่อมเกิดจากบุญกุศล คือความสงบที่เกิดขึ้นในจิตใจ พ้นทุกข์โทษความดิ้นรน ไม่มีกระสับกระส่ายเดือดร้อนกระวนกระวาย เพราะฉะนั้น จงพากันตั้งใจประกอบบุญกุศล เพื่อจะเป็นทางที่พ้นไปจากโลกนี้ นั่นแหละจะเป็นหนทางที่ถูกต้อง"
ท่านพ่อลี ธมฺมธโรดูเพิ่มเติม
"อย่าติดดี"
อุบาสกคนหนึ่งเคยศึกษาธรรมะของฝ่ายมหายาน ถามหลวงพ่อชาเรื่องการปฏิบัติว่า “คนที่ปฏิบัติเพื่อเป็นอรหันต์ กับ คนปฏิบัติเพื่อเป็นพระโพธิสัตว์ อันไหนจะดีกว่ากัน อันไหนสูงกว่ากัน”
หลวงพ่อชาตอบว่า “อย่าเป็นอะไรเลย พระอรหันต์ก็อย่าเป็นเลย พระโพธิสัตว์ก็อย่าเป็นเลย แม้พระพุทธเจ้าก็อย่าเป็นเป็นอะไรแล้วก็ต้องเป็นทุกข์ทันที ” ... อย่าเป็นคนดี ถ้าเป็นคนดีแล้วต้องรำคาญคนที่ไม่ดี ทุกวันนี้คนที่ไม่ดีมากกว่าคนดีเยอะ ไปที่ไหนก็กลุ้มใจ มีแต่ความไม่พอใจ เหมือนกับคนที่ไม่สูบบุหรี่แล้วดูคนอื่นสูบ ก็ไปเทศน์ให้เขาฟัง นี่เรียกว่า “ติดดี” ท่านไม่ให้ติด แม้จะเป็นความดีท่านก็ไม่ให้เราติด เพราะว่าความติดเป็นทุกข์ สร้างความทุกข์แก่ใจ
พระโพธิญาณเถระ (ชา สุภัทโท) วัดหนองป่าพง อำเภอวารินชำราบ อุบลราชธานีดูเพิ่มเติม
... สวดมนต์ เป็นยาทา ภาวนา เป็นยากิน ...
.. คำว่า "สวด" เป็นกิริยาของการท่องที่เป็นทำนอง เป็นจังหวะ .. คำว่า "มนต์" สำหรับชาวพุทธก็คือคำเทศน์ หรือคำสอน ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ... .. คำว่า "สวดมนต์" จึงเป็นเรื่องของการทบทวนคำสอน ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ... สวดมนต์ไปก็ได้ความรู้และความเข้าใจ ในธรรมะ ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเพิ่มขึ้น แล้วแน่นอนว่าความสบายใจย่อมเกิดขึ้นมาด้วย เกิดขึ้นมาจากอานุภาพของธรรมะที่เราสวด และเกิดขึ้นเพราะเรารำลึกถึงพระคุณของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
ยิ่งกว่านั้นในขณะที่กำลังสวดมนต์ใจก็เป็นสมาธิ แต่เป็นสมาธิในระดับตื้น ไม่ได้เป็นสมาธิในระดับลึกเท่าไร แต่ว่าก็ให้คุณประโยชน์กับใจของเราได้ ในระดับหนึ่ง คือให้ความชุ่มชื่นใจ ให้ความเบิกบานใจ แล้วก็ได้ความปลื้มปีติที่ว่าเราได้ทบทวนคำสอนธรรมะ ของสมเด็จพ่อของเรา ด้วยเหตุที่การสวดมนต์สามารถนำความปลื้มปีติใจ นำสมาธิมาให้ในระดับตื้น ท่านจึงได้อุปมาว่าการสวดมนต์เหมือนอย่างกับยาทา ซึ่งยาทาชนิดนี้ ไม่ใช่ยาทาแบบยาหม่องธรรมดา ๆ แต่ว่าทาแล้ว ทะลุถึงใจเลยทีเดียว
... ส่วนคำว่า "ภาวนา" หมายถึง การทำสมาธิอย่างต่อเนื่อ ง ชนิดนั่งสมาธิกันเป็นชั่วโมง เป็นวัน หรือบางทีทำต่อเนื่องเป็นเดือน เป็นปีกันทีเดียว หรือเอาเป็นว่าสำหรับนักทำสมาธิโดยทั่ว ๆ ไปแบบชาวโลก ทำสมาธิกัน แต่ละครั้งก็ประมาณ ๑ ชั่วโมง หรือว่า ๔๕ นาที เป็นอย่างน้อย ใจก็ดื่มด่ำหยุดนิ่งลงไปที่ศูนย์กลางกายภายในตัว
.. การที่ใจหยุดนิ่งลงไปอย่างนั้น เพราะว่าขณะที่ทำสมาธิเราหลับตา จึงไม่มีภาพอะไรมารบกวนนัยน์ตา แล้วใจก็รวมอยู่ที่ศูนย์กลางกาย เมื่อเป็นอย่างนี้ใจจึงหยุดนิ่งได้สนิทกว่าการสวดมนต์ เมื่อใจหยุดใจนิ่งได้สนิทกว่าการสวดมนต์ ความชุ่มชื่นที่เกิดภายในก็ตาม ความสว่างที่เกิดภายในก็ตาม ย่อมมีมากกว่าการที่สวดมนต์
.. ยิ่งกว่านั้น ถ้าทำได้ถูกส่วนจริง ๆ การเห็นธรรมะที่ลึกซึ้ง ก็มีโอกาสเป็นไปได้ในขณะที่ทำภาวนานี่เอง ปู่ย่าตาทวดของเราจึงได้อุปมาการทำภาวนาอย่างจริงจัง อย่างต่อเนื่องนี้ว่า เหมือนอย่างกับยากิน คือสามารถแก้ไข้ แก้ปวดได้มากกว่ายาทา
.. แต่อย่างไรก็ตาม เราอย่าไปคิดเปรียบว่าอะไรดีกว่าอะไรเลย เพราะว่าคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นสิ่งที่เราจะต้องท่อง เมื่อท่องแล้วก็นำมาตรอง นำมาใช้เป็นหลักในการทำภาวนา เมื่อการสวดก็มีความจำเป็น เนื่องจากเป็นยาทาประเภทที่ทาแล้วเข้าไปถึงใจ ส่วนการทำสมาธิก็ยิ่งจำเป็นมากขึ้น เพราะฉะนั้น ทั้ง ๒ อย่างนี้ ต้องทำควบคู่ไปด้วยกัน
.. ตามวัดวาอารามต่าง ๆ พระท่านตื่นกันตั้งแต่ตี ๔ เพื่อลุกขึ้นมาสวดมนต์ ทบทวนคำสอนพระสัมมาสัมพุทธเจ้า สวดมนต์กันเป็นชั่วโมงทีเดียว เสร็จแล้วท่านก็ทำสมาธิของท่านต่อ เมื่อรู้ เมื่อเห็น เมื่อทราบประโยชน์กันอย่างนี้แล้ว ก็ขอให้พวกเรา แม้อยู่ที่บ้านอย่างน้อยก็ต้องสวดมนต์ก่อนนอน แล้วถ้าตอนเช้าก่อนไปทำงานได้สวดอีกสักรอบหนึ่งก็ยิ่งดี
.. และที่ขาดไม่ได้คือต้องทำสมาธิ เพื่อใจจะได้ใสเต็มที่ เพราะถ้าคืนนี้นอนหลับไปแล้ว ไม่ได้ตื่นขึ้นมาอีก ก็จะได้ละโลกไปด้วยใจใส ๆ
ซึ่งพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงประกันว่า ผู้ที่ละโลกไปขณะใจใส ย่อมมีสวรรค์หรือสุคติเป็นที่ไป
"ดูกรภิกษุทั้งหลาย เรากล่าวการกระทำตอบแทนไม่ได้ง่ายแก่ท่านทั้ง ๒ ท่านทั้ง ๒ คือใคร คือ มารดา ๑ บิดา ๑"
"ดูกรภิกษุทั้งหลาย บุตรพึงประคับประคองมารดาด้วยบ่าข้างหนึ่ง พึงประคับประคองบิดาด้วยบ่าข้างหนึ่ง เขามีอายุ มีชีวิตอยู่ตลอดร้อยปี และเขาพึงปฏิบัติท่านทั้ง ๒ นั้นด้วยการอบกลิ่น การนวด การให้อาบน้ำ และการดัด และท่านทั้ง ๒ นั้น พึงถ่ายอุจจาระ ปัสสาวะบนบ่าทั้งสองของเขานั่นแหละ. ดูกรภิกษุทั้งหลาย การกระทำอย่างนั้น ยังไม่ชื่อว่าอันบุตรทำแล้วหรือทำตอบแทนแล้วแก่มารดาบิดาเลย"
"ดูกรภิกษุทั้งหลาย อนึ่ง บุตรพึงสถาปนามารดาบิดาในราชสมบัติ อันเป็นอิสราธิปัตย์ ในแผ่นดินใหญ่อันมีรตนะ ๗ ประการมากหลายนี้ การกระทำกิจอย่างนั้น ยังไม่ชื่อว่าอันบุตรทำแล้วหรือทำตอบแทนแล้วแก่มารดาบิดาเลย" ... "ข้อนั้นเพราะเหตุไร เพราะมารดาบิดามีอุปการะมาก บำรุงเลี้ยง แสดงโลกนี้แก่บุตรทั้งหลาย"
"ส่วนบุตรคนใดยังมารดาบิดาผู้ไม่มีศรัทธา ให้สมาทานตั้งมั่นในศรัทธาสัมปทา ยังมารดาบิดาผู้ทุศีล ให้สมาทานตั้งมั่นในศีลสัมปทา ยังมารดาบิดาผู้มีความตระหนี่ ให้สมาทานตั้งมั่นในจาคสัมปทา ยังมารดาบิดาทรามปัญญา ให้สมาทานตั้งมั่นในปัญญาสัมปทา"
"ดูกรภิกษุทั้งหลาย ด้วยเหตุมีประมาณเท่านี้แล การกระทำอย่างนั้นย่อมชื่อว่าอันบุตรนั้นทำแล้ว และทำตอบแทนแล้ว แก่มารดาบิดา ฯ"
พุทธวจน (๒๐/๒๗๘) ธรรมะ
เอาบุญมาฝากจะถวายสังฆทาน เจริญวิปัสสนา ให้ธรรมะเป็นทาน ให้อภัยทาน บอกบุญ สักการะพระธาตุ ให้อาหารสัตว์เป็นทาน ช่วยพ่อแม่ทำงานบ้าน ถวายข้าวพระพุทธ อนุโมทนาบุญกับผู้อื่น สร้างพระสร้างเจดีย์สร้างธรรมจักรสร้างรอยพระพุทธบาทสร้างระฆังและอัครสาวกซ้ายขวาสร้างพระสีวลีสร้างพระกัสสะปะสร้างพระอุปคุตสร้างพระองคุลีมารผสมทองคำเปลวพร้อมนำดอกไม้มาบูชาถวายพระรัตนตรัย รักษาศีล เจริญภาวนา สวดมนต์ ให้อาหารสัตว์เป็นทานเป็นประจำ กรวดน้ำอุทิศบุญ อนุโมทนากับพ่อแม่ญาติพี่น้องที่รักษาศีล ฟังธรรม ให้ทาน อนุโมทนากับเพื่อนๆที่รักษาศีล ศึกษาการรักษาโรค ที่ผ่านมาคุณแม่ได้ถวายสังฆทานมาโดยตลอด ที่ผ่านมาได้ปิดทองพระ รักษาอาการป่วยของผู้อื่นกับผู้ร่วมงาน และที่ผ่านมาได้รักษาอาการป่วยของบิดามารดา ปล่อยชีวิตสัตว์มาโดยตลอด ถวายยาแก่ภิกษุ ขัดองค์พระ จุดเทียนถวายพระรัตนตรัย ให้ความรู้สมุนไพรเพื่อสุขภาพเป็นวิทยาทาน ที่ผ่านมาคุณแม่ได้ทำบุญหลายอย่างมาโดยตลอด ที่ผ่านมาได้ถวายสังฆทานและทำบุญสร้างอาคารผู้ป่วยและกฐินกับเพื่อนๆและให้อาหารเป็นทานแก่สรรพสัตว์กับเพื่อนๆและเพื่อนคนหนึ่งและบริวารของเพื่อนและครอบครัวของเพื่อนได้มีจิตเมตตาให้ทานและเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ช่วยเหลือผู้อื่นอยู่ตลอดและเพื่อนได้เคยสวดมนต์เย็นกับคุณแม่และที่ผ่านมาได้ทำบุญสักการะพระธาตุทำบุญปิดทองชำระหนี้สงฆ์และไหว้พระและทำบุญตามกล่องรับบริจาคตามวัดต่างๆกับเพื่อนและตั้งใจว่าจะสร้างบารมีให้ครบทั้ง 10 อย่างขอให้อนุโมทนาบุญด้วย
ขอเชิญถวายสังฆทาน เจริญวิปัสสนา ให้ธรรมะเป็นทาน ให้อภัยทาน บอกบุญ ให้อาหารสัตว์เป็นทาน สักการะพระธาตุ ฟังธรรม สวดมนต์ ช่วยพ่อแม่ทำงานบ้าน รักษาศีล เจริญภาวนา สวดมนต์ สร้างพระสร้างเจดีย์สร้างธรรมจักรสร้างรอยพระพุทธบาท สร้างระฆังและอัครสาวกซ้ายขวาสร้างพระสีวลีสร้างพระกัสสะปะสร้างพระอุปคุตสร้างพระองคุลีมารผสมทองคำเปลวพร้อมนำดอกไม้มาบูชาถวายพระรัตนตรัย กรวดน้ำอุทิศบุญ ถวายข้าวพระพุทธ อนุโมทนาบุญกับผู้อื่น สนทนาธรรม ถวายข้าวพระพุทธ อนุโมทนาบุญกับผู้อื่น รักษาอาการป่วยของผู้อื่น รักษาอาการป่วยของบิดามารดา จุดเทียนถวายพระรัตนตรัย ปิดทอง สักการะพระธาตุ กราบอดีตสังขารเจ้าอาวาสที่ไม่เน่าเปื่อย ที่วัดแจ้ง อ.เมือง จ.ปราจีนบุรี ปิดทองพระ ปล่อยชีวิตสัตว์ถวายยาแก่ภิกษุ ไหว้พระตามวัดต่างๆ ขัดองค์พระ ให้ความรู้สมุนไพรในการดูแลสุขภาพเป็นทาน และสร้างบารมีให้ครบทั้ง 10 อย่างขอเชิญร่วมบุญกุศลร่วมกันนะ
|