พระพุทธพจน์ - พุทธภาษิต พระธรรมเทศนา และ ธรรมะจากครูบาอาจารย์ผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ
เสาร์ 14 ก.พ. 2009 10:12 pm
ถ้าเรามีสติสัมปชัญญะ ดูอะไรมันก็ดูได้ ความเข้าใจของคนทั่วไป คำว่า ธรรมะ ที่จะนำมาพิจารณานี่มีแต่เรื่องของกายกับใจ เรื่องของกิเลสที่มีอยู่ในใจ ความจริงธรรมะอันเป็นอารมณ์ของจิตนี่มันหมายถึงทุกสิ่งทุกอย่างที่เราสามารถรู้ได้ด้วยตา หู จมูก ลิ้น กาย และใจ ถ้าหากว่าจิตใจถึงธรรมะแล้วดูอะไรมันก็ไม่เสียหาย
สมเด็จพระมหาวีรวงศ์ (ติสโส อ้วน) ถามหลวงปู่มั่นว่า
"ท่านมั่น อยู่แต่ป่าไปฟังเทศน์ที่ไหน ?"
พระอาจารย์มั่นท่านก็ตอบว่า
"ถ้าจิตใจมีธรรมะ อยู่ที่ไหนก็ได้ฟังธรรม"
ทำไมถึงว่าอย่างนั้น ? เพราะทุกสิ่งทุกอย่างในจักรวาลนี้ตั้งแต่อณู ปรมาณู จนกระทั่งมวลสารที่เกาะกลุ่มกันเป็นก้อนใหญ่โตมันคือธรรมประเภท "สภาวธรรม"
ธรรมะประเภทสภาวธรรมนี่แหละเป็นอารมณ์จิต ถ้าหากว่าผู้ขาดสติ สติไม่เข้มแข็ง ตาเห็นรูปมันก็หลงยินดียินร้าย หูได้ยินเสียงมันก็หลงยินดียินร้าย จมูกได้กลิ่น ลิ้นได้รส กายสัมผัส ใจนึกคิดก็หลงยินดียินร้าย พอใจ ไม่พอใจ
ความจริงมันก็แสดงปรากฏการณ์ให้เรารู้เห็นอยู่ตลอดเวลา เราดูสิ่งนี้เราทุกข์หรือเราสุข เราเห็นสิ่งนี้เรายึดมั่นถือมั่นหรือว่าเรารู้จักปล่อยวาง อันนี้คือความจริงที่ปรากฏอยู่ทุกขณะจิต ทุกลมหายใจสำหรับผู้มีสติ
เพราะฉะนั้น การดูหนังดูละคร ละครที่เป็นธรรมะเขาจะสรุปลงว่า ดูหนังดูละครให้ย้อนดูตัวเอง ชีวิตของคนเราในโลกนี้คือตัวละครแต่ละตัว ๆ ต่างคนต่างแสดงออกตามนิสัยและความสามารถของตัวเอง
นัจจะ คีตะ วา... หมายถึงการขับร้องประโคมดนตรี ถ้าหากว่าเป็นเรื่องขับร้องประโคมดนตรี พระไปดูมันก็ล่อแหลมต่ออันตราย แต่นิยายอันใดที่เป็นบทละคร มันเป็นคติเตือนใจ เช่น ละครเรื่อง เวสสันดรชาดก อันนี้เป็นนิยายอิงธรรมะ เรื่องรามเกียรติ์นี่ก็เป็นนิยายอิงธรรมะ เป็นนิยายที่แก่แก่ที่สุด ของจีนก็สามก๊ก เป็นนิยายอิงธรรมะเหมือนกัน มีทั้งการเมือง เศรษฐกิจ อุตสาหกรรม เกษตรกรรม พร้อมหมดในเรื่องนั้น ในเวสสันดรชาดก ก็มีเกษตรกรรม อุตสาหกรรม รัฐธรรมนูญ ประชาธิปไตย มีพร้อมหมด ถ้าเรื่องอย่างนี้พระดูก็ไม่เสียหาย
- papa re1.jpg (10.89 KiB) เปิดดู 911 ครั้ง
พระราชสังวรญาณ (พุธ ฐานิโย)
วัดป่าสาลวัน ต.ในเมือง อ.เมือง จ.นครราชสีมา
อาทิตย์ 15 ก.พ. 2009 9:44 pm
จริงซะยิ่งกว่าจริง
ขอบคุณครับ
Powered by phpBB © phpBB Group.
phpBB Mobile / SEO by Artodia.