การรักษาจิต

[รสมน]

" การอบรมภาวนาทางปัญญา จึงเป็นเรื่อง
ละ ถอนกิเลส ตัณหา อาสวะ ที่มีอยู่ในจิตในใจ
ทุกคนมีสิทธิ์ที่จะฝึก จะอบรมจิตใจของตนได้
หากเราตั้งใจ เห็นว่าเป็นของจำเป็นจริงจัง
แต่ถ้าไม่ทำก็จะไม่เกิดประโยชน์
...
เกิดมาไม่ทำภาวนาเลย มันก็แก่ ก็ตายเหมือนกัน
ผู้ทำภาวนา ถึงแก่ ถึงตาย จิตใจของท่านไม่มี
การหวั่นไหว ไม่มีการเสียดายชีวิต ไม่ถือว่า
เกิดมาเป็น"โมฆะ" ท่านมีความสุขความสบายใน
จิตในใจของท่าน ถึงกายมันจะแตกสลายไป
เหมือน ๆ กัน แต่จิตใจท่านไม่หวั่นไหว ไม่ลุ่มหลง
นี่คือ...อานิสงส์เกิดจาก"การภาวนา"

"หนังสือตัวเล็กๆ มันเรียนง่าย
เรียนแล้วก็หลง เรียนตัวใหญ่ คือ
"เรียนกาย เรียนใจ"ของตัวเอง
ถ้าได้ตัวนี้ละ ไม่มีวันหลง"

แม้เราสวดมนต์อยู่ ก็คือสมาธิ
แม้เรานั่งสมาธิบริกรรมภาวนา ก็คือการฝึกสมาธิ
ต้องมีความเข้าใจให้มันสัมพันธ์กัน
แม้ว่าเราทำธุรกิจอย่างอื่น...
ถ้าเรามี"สติสัมปชัญญะ"
รู้ตัวอยู่ตลอดเวลา ก็คือการ"ฝึกสมาธิ"

ธรรมะ ไม่ได้สําคัญว่าเรารู้อย่างไร? แต่ สําคัญว่าเราทําให้เกิดขึ้นหรือยัง
ธรรมะจะรู้จากการอ่านพระไตรปฏิก ธรรมะจะรู้จากการอ่านพุทธวจน ธรรมะจะรู้จากตําราทั้งหลายตามแผงขายหนังสือ ธรรมะจะรู้จากคําคม โวหาร ธรรมะจะรู้จากคํา...บอกเล่า ใครๆๆก็สามารถรู้ได้กันทั้งนั้น เพราะ ไม่ได้เป็นความลับอะไร จะซื้อมาอ่าน จะขอยืมมาอ่าน ได้ทั้งนั้น

"แต่บางคนกลับยึดมั่นถือมั่นว่าฉันอ่านมากกว่าคนอื่น เลยต้องรู้มากกว่าคนอื่น คนอื่นไม่ได้อ่านเท่ากับฉัน จะมารู้ดีเท่ากับฉันได้อย่างไร?" การรู้ธรรมะแบบนี้ มันจะมีประโยชน์อย่างไร? รู้แต่ตัวหนังสือ รู้แต่ว่าอะไรที่ไม่ตรงกับที่เราอ่านคือผิด รู้แต่ยึดมั่นถือมั่นในเรื่องที่เราอ่าน "การรู้เช่นนี้ ใครๆๆก็รู้ได้กันทั้งนั้น"

"ธรรมะที่ถูกต้อง เราต้องรู้จากจิตของเราเอง"
เรายังโลภไหม? เรายังโกรธไหม? เรายังหลงไหม?

ความโลภ แก้ด้วยการทําทาน
ความโกรธ แก้ด้วยการรักษาศีล
ความหลง แก้ด้วยการภาวนา

"กิเลสจะถูกถอนรากถอนโคน"
ต้องรู้จากกาย ต้องรู้จากใจ ของเรา

การรู้ด้วยการอ่าน การรู้ด้วยการจํา คือ "การรู้แค่เปลือก" แต่ การที่เราทําให้เกิดขึ้นที่จิตของเรา คือ "การรู้ถึงแก่น" ทุกวันนี้เราชอบยึดมั่นถือมั่นที่"เปลือก" จนลืมกันไปแล้วว่า มันยังมี"แก่น"ที่ให้เราไปรู้ "ปริยัติ ปฏิบัติ ปฏิเวธ" ขาดตัวใดตัวหนึ่งไม่ได้ "การรู้จากตํารา เราต้องนําไปปฏิบัติ แล้ว ต้องทําให้มันเกิดขึ้น" คือ การรู้ธรรมะที่แท้จริง

"ไม่ได้สําคัญว่าเรารู้ธรรมอย่างไร? แต่ สําคัญว่าเราทําให้มันเกิดขึ้นหรือยัง"

""ใครที่บอกว่า ชาตินี้ฉันไม่ได้ทำชั่ว
แต่ก็ไม่ได้ทำดี ยังไงฉันก็ไม่ตกหรอกนรก
เพราะฉันไม่ยุ่งกับใคร อยู่แต่กับบ้าน อยู่กับลูก กับเมีย
กับเงินกับทองสมบัติที่หามา ถึงเวลากินก็กิน
ถึงเวลานอนก็นอน บุญไม่ทำบาปไม่ก่อ
...
เอออออออ ไม่บาปน่ะใช่ ไม่ลงนรกน่ะใช่เพราะไม่ได้ไปเบียดเบียนใคร ให้ใครต้องอาฆาตฉันรอดแน่ๆ มันต้องมีคนคิดแบบนี้อยู่แล้ว ถ้าจะคิดแบบนี้ก็ให้มันคิดต่อไปอีกให้จบใช้ปัญญาให้เกิดประโยชน์ด้วย
ไม่ทำบาป ไม่ทำบุญ แต่ขลุกอยู่กับกามคุณล้วนๆกิเลสอวิชชาล้วนๆ
(รูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส)ครบถ้วนสมบูรณ์ มัวเมากามคุณไม่ลืมหูลืมตา
ฉันชอบอย่างนี้ ฉันพอใจอย่างนี้ ฉันจะทำแบบนี้ พวกมีชีวิตสุขสบาย แต่ไม่ได้เบียดเบียนใคร เออ มันก็ยังไม่พ้นจากการเกิด ถ้าทำแล้วมันหยุดการเกิดการตายได้
พระพุทธเจ้า พระอรหันตสาวกทั้งท่านเพียรไปทำไมกันล่ะ แสวงว่าท่านทำไปขาดทุนน่ะสิ ท่านเจ็บท่านป่วย ท่านก็ยังไม่เคยทิ้งความเพียร ทำจนละสังขาร คิดใหม่ คิดให้ดี ทบทวนแล้ว ทบทวนอีก ให้สมกับเราเกิดมาเป็นมนุษย์ผู้ประเสริฐ เพราะทำตนให้พ้นทุกข์ได้

มันก็ไม่ใช่ทางสว่าง ธรรมะมันจัดสรรให้อย่างปราณีตเรยแหละ มองๆดูแล้วนี่มันชีวิตใส้เดือนชัดๆ ตาก็ไม่มี มองก็ไม่เห็น มองอะไรไม่เห็น บอดเพราะไม่เคยมองดูธรรมะเลย หูก็ไม่มี เพราะไม่สนใจฟังธรรม จะไปไหนก็มุดดินถูไถไป อยู่แต่ในดินที่มืด วันๆกินดินอย่างเดียว กินไม่หยุดไม่หย่อน ชอบกินแล้วก็ถ่าย ชอบกามก็มีให้เสพเพราะมีสองเพศในตัวเดียว ผสมพันธ์ได้ตลอดเวลา เอ่อ สังเวชมันเนอะ ชีวิตสัตว์เดรัจฉานอันมืดบอด ทีนี้รู้หรือยังล่ะ คนที่คิดว่า

"บุญฉันไม่เอาปฏิเสธทุกอย่าง แต่บาปฉันก็ไม่ก่อด้วย"โน่นภพภูมิใหม่รอแล้ว เป็นสัตว์เดรัจฉาน คิดใหม่กันเน้อ ธรรมเป็นของละเอียด อย่าไปพากันคิดเดาเอาเอง ในหนังสือที่พากันอ่านนั่นเป็นเพียงแค่ส่วนน้อยนิดของความจริงทั้งหมด รู้แล้วก็พากันปฏิบัติอย่าอ่านแล้วท่องจำซื่อๆ ไม่เกิดประโยชน์ เวลาตายจะลำบาก

"คนเก่งในโลกนี้มากมาย
ตายไปเห็นลงนรกกันเยอะแยะ
ถ้าจะเก่งสำนวนโวหาร ต้องเก่งปฏิบัติด้วย"

มัวแต่"ว่าเขา" แล้วเราเป็นอย่างไร?"
ธรรมชาติของ"จิต"ไหลลงสู่ที่"ต่ำ"
ต้องปฏิบัติธรรมจิตจึง"สูง"ได้
ไม่ได้เกิดจากการคิดเดาเอาเอง

"พึงรักษาจิตตน"...
ให้เหมือนคนประคองบาตร
ที่เต็มไปด้วยน้ำฉันนั้น




เอาบุญมาฝากจะถวายสังฆทาน เจริญวิปัสสนา ให้ธรรมะเป็นทาน ให้อภัยทาน บอกบุญ สักการะพระธาตุ ให้อาหารสัตว์เป็นทาน ช่วยพ่อแม่ทำงานบ้าน ถวายข้าวพระพุทธ อนุโมทนาบุญกับผู้อื่น สร้างพระสร้างเจดีย์สร้างธรรมจักรสร้างรอยพระพุทธบาทสร้างระฆังและอัครสาวกซ้ายขวาสร้างพระสีวลีสร้างพระกัสสะปะสร้างพระอุปคุตสร้างพระองคุลีมารผสมทองคำเปลวพร้อมนำดอกไม้มาบูชาถวายพระรัตนตรัย
รักษาศีล เจริญภาวนา สวดมนต์ ให้อาหารสัตว์เป็นทานเป็นประจำ กรวดน้ำอุทิศบุญ อนุโมทนากับพ่อแม่ญาติพี่น้องที่รักษาศีล ฟังธรรม ให้ทาน อนุโมทนากับเพื่อนๆที่รักษาศีล ศึกษาการรักษาโรค ที่ผ่านมาคุณแม่ได้ถวายสังฆทานมาโดยตลอด ที่ผ่านมาได้ปิดทองพระ รักษาอาการป่วยของผู้อื่นกับผู้ร่วมงาน และที่ผ่านมาได้รักษาอาการป่วยของบิดามารดา ปล่อยชีวิตสัตว์มาโดยตลอด ถวายยาแก่ภิกษุ ขัดองค์พระ ที่ผ่านมาได้จุดเทียนถวายพระรัตนตรัย ให้ความรู้สมุนไพรเพื่อสุขภาพเป็นวิทยาทาน ที่ผ่านมาคุณแม่ได้ทำบุญหลายอย่างมาโดยตลอด ที่ผ่านมาได้ถวายสังฆทานและทำบุญสร้างอาคารผู้ป่วยและกฐินกับเพื่อนๆและให้อาหารเป็นทานแก่สรรพสัตว์กับเพื่อนๆและเพื่อนคนหนึ่งและบริวารของเพื่อนและครอบครัวของเพื่อนได้มีจิตเมตตาให้ทานและเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ช่วยเหลือผู้อื่นอยู่ตลอดและเพื่อนได้เคยสวดมนต์เย็นกับคุณแม่และที่ผ่านมาได้ทำบุญสักการะพระธาตุทำบุญปิดทองชำระหนี้สงฆ์และไหว้พระและทำบุญตามกล่องรับบริจาคตามวัดต่างๆกับเพื่อนและตั้งใจว่าจะสร้างบารมีให้ครบทั้ง 10 อย่างขอให้อนุโมทนาบุญด้วย


ขอเชิญถวายสังฆทาน เจริญวิปัสสนา ให้ธรรมะเป็นทาน ให้อภัยทาน บอกบุญ ให้อาหารสัตว์เป็นทาน สักการะพระธาตุ ฟังธรรม สวดมนต์ ช่วยพ่อแม่ทำงานบ้าน
รักษาศีล เจริญภาวนา สวดมนต์ สร้างพระสร้างเจดีย์สร้างธรรมจักรสร้างรอยพระพุทธบาท
สร้างระฆังและอัครสาวกซ้ายขวาสร้างพระสีวลีสร้างพระกัสสะปะสร้างพระอุปคุตสร้างพระองคุลีมารผสมทองคำเปลวพร้อมนำดอกไม้มาบูชาถวายพระรัตนตรัย กรวดน้ำอุทิศบุญ ถวายข้าวพระพุทธ อนุโมทนาบุญกับผู้อื่น สนทนาธรรม
ถวายข้าวพระพุทธ อนุโมทนาบุญกับผู้อื่น รักษาอาการป่วยของผู้อื่น รักษาอาการป่วยของบิดามารดา จุดเทียนถวายพระรัตนตรัย
ปิดทอง สักการะพระธาตุ กราบอดีตสังขารเจ้าอาวาสที่ไม่เน่าเปื่อย ที่วัดแจ้ง อ.เมือง จ.ปราจีนบุรี ปิดทองพระ ปล่อยชีวิตสัตว์ถวายยาแก่ภิกษุ ไหว้พระตามวัดต่างๆ ขัดองค์พระ ให้ความรู้สมุนไพรในการดูแลสุขภาพเป็นทาน
และสร้างบารมีให้ครบทั้ง 10 อย่างขอเชิญร่วมบุญกุศลร่วมกันนะ



โครงการสร้างสถานปฎิบัติธรรม (พุทธเกษตรบัวขาว)
โทร 090-7369250

ขอเชิญร่วมเป็นเจ้าภาพเสารั้วสำนักสงฆ์เจโตวิมุตติระยะทาง 2 กิโลเมตร
081-190-1125

ขอเชิญกราบนมัสการพระเดชพระคุณหลวงปู่คำบุ คุตตจิตโต วัดกุดชมภู อ.พิบูลมังสาหาร จ.อุบลราชธานี เทพเจ้าแห่งดินแดนอีสานใต้ ณ วัดมะกอกสีมาราม ต.รอบเมือง อ.เมือง จ.ปราจีนบุรี
ในวันอังคารที่ 22 ตุลาคม พ.ศ. 2556


(ปิดรับ 23 พ.ย) บุญถวายพระแก้วใสทรงเครื่อง หน้าตัก 5 นิ้้ว 45องค์ละ600บาทหรือตามศรัทธา
085-361-4989

เจ้าภาพโต๊ะบวงสรวงเทวดา ณ มณฑลพิธีเททอง
ณ วัดศรีสง่าสามัคคี ต.หนองสังข์ อ.แก้งคร้อ จ.ชัยภูมิ ตามกำหนดการ ณ วันอาทิตย์ที่ 1 7พฤศจิกายน 2556


ขอเชิญร่วมทำบุญเป็นเจ้าภาพถวายผ้าไตรพระสงฆ์ จำนวน ๕ ไตร
โทร. 084 – 7972215

(ปิดรับ17ต.ค.)ร่วมกฐินสร้าง ซ่อม.บูรณะวัด ในเขต อ.พระสมุทรเจดีย์/อ.พระประแดง มากกว่า9วัด
085-361-4989


(ปิดรับ 1 ตุลาคม):ร่วมสร้าง "พระไภษัชยคุรุไวฑูรยประภาตถาคต"
082-951-9002


ยังขาดเจ้าภาพชุดไทยธรรม 22 ชุด (800 บาท/ชุด) งานกฐิน+เททองหล่อพระ
ณ วัดศรีสง่าสามัคคี ต.หนองสังข์ อ.แก้งคร้อ จ.ชัยภูมิ


หาเจ้าภาพ กำเเพงเเก้วรอบหลวงพ่อองค์ดำนาลันทา 4 ศอกยังขาด42เมตร
โทร 0868032001


ร่วมทอดผ้าป่าสร้างพระหยกขาวทรงเครื่องพระจักรพรรดิ 5 นิ้ว
081-999-1042


ขอเชิญร่วมเป็นเจ้าภาพทอดกฐินและผ้าป่าสามัคคี วัดบ้านกุ่ม จ.ราชบุรี

ขอเชิญร่วมเป็นเจ้าภาพทอดกฐิน วัดท้องไทร นครชัยศรี จ.นครปฐม


วัดดอนเปา จ.เชียงใหม่ ยังขาดเจ้าภาพกฐิน ปี2556
081-1667062


ขอเชิญร่วมพิธีเทศน์มหาชาติสามัคคีเฉลิมพระเกียรติ ณ วัดธัมมธโร ออสเตรเลีย
การจัดพิธีเทศน์มหาชาติสามัคคีเฉลิมพระเกียรติ ณ วัดธัมมธโร กรุงแคนเบอร์รา ระหว่างวันที่ 29 – 30 พฤศจิกายน 2556


ขอเชิญทุกท่านร่วมทอดกฐินสามัคคี สำนักปฏิบัติธรรมถ้ำป่าอาชาทอง ประจำปี ๒๕๕๖
ในวันอาทิตย์ที่ 3 พฤศจิกายน ๒๕๕๖


ขอเชิญร่วมทำบุญทอดกฐินสามัคคี
สมทบทุนสร้างพระจุฬามณี
ณ วัดพระพุทธบาทถ้ำป่าไผ่ ตำบลป่าไผ่ อำเภอลี้ จังหวัดลำพูน
วันอาทิตย์ที่ ๒๗ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๕๖


ร่วมเป็นเจ้าภาพทอดกฐินแก่ "วัดที่ไม่มีเจ้าภาพทั่วประเทศ
โทรศัพท์ ๐ ๒๔๔๑ ๔๕๓๕ – ๔๑


ขอเชิญร่วมเป็นเจ้าภาพเทศมหาชาติ วัดพิชัยญาติการาม วรวิหาร ๕-๖ ต.ค. ๕๖
02-861-4530

เชิญฟังธรรมพระกรรมฐาน 4 รูป วัดถ้ำผาจม 29 ก.ย.56


กฐินแสนกอง พ.ศ. 2556
ปิดการรับบริจาค วันที่ 6 พฤศจิกายน 2556
ธนาคารไทยพาณิชย์ เลขที่บัญชี 365-232389-4
ชื่อบัญชี นาย วีระชัย แก่นภักดี (Mr.Veerachai Kanphugdee)
บัญชี สาขา เซ็นทรัลพลาซ่า รัตนาธิเบศร์