หลวงปู่ท่านเมตตากล่าวเตือนลูกศิษย์เสมอ ๆ ว่า เรายังอยู่ทางโลก แม้ว่าเราจะมีศรัทธามาประพฤติปฏิบัติธรรม เราจะทิ้งทางโลกไม่ได้ ท่านว่า
"เราต้องเหยียบเรือสองแคม ทางโลกต้องไม่ให้ช้ำ ทางธรรมต้องไม่ให้เสีย"สุดท้าย เพื่อไม่ให้ลูกศิษย์ไปแบ่งแยกทางโลกทางธรรมจนเกินไป ท่านจึงแนะว่าให้พยายามกลมกลืนการปฏิบัติธรรมเข้าไว้ในชีวิตประจำวัน ด้วยการดูจิต รักษาจิต มีสติทุก ๆ อิริยาบท เวลาโลภ โกรธ หลง กำลังเข้าครอบงำจิตเราอยู่ ก็ให้มีรู้เท่าทัน
ทางโลกนั้น มีประโยชน์เกื้อหนุนทางธรรมมาก อย่างน้อย ๆ ก็สร้างแรงกระทบที่จะเป็นเครื่องทดสอบว่าเรามีศีล สมาธิ ปัญญา จริงและเพียงพอหรือไม่
โบราณท่านว่า เรือที่จอดเทียบท่า ยังไม่อาจรู้ว่าเป็นเรือดีหรือไม่ ต่อเมื่อออกไปฝ่าคลื่นลมแล้ว นั่นแหละจึงจะรู้ได้ว่าเรือดีหรือไม่ดี
บางคนบอกฉันเป็นคนมีศีล แต่พอคนเอาเงินหรือสิ่งของมาให้ เพื่อให้ช่วยทำในสิ่งที่ไม่ถูกต้องตามระเบียบปฏิบัติ ก็ทำให้เขา ศีลข้ออทินนาและมุสา ก็ไม่บริสุทธิ์แล้ว
บางคนบอกว่าตัวเองเป็นผู้มีปรกติดูจิตตัวเองได้ตลอด พอคนที่บ้านพูดไม่เข้าหูนิดเดียว ก็โกรธเป็นฟืนเป็นไฟ และยังอาจบอกด้วยความหลงอีกว่าไม่ได้โกรธ ๆ
สิ่งกระทบทางโลกจึงเป็นเครื่องช่วยชี้วัดระดับศีล สมาธิ ปัญญา
เวลาครูบาอาจารย์ท่านเข้าป่าหาที่สงัด ท่านก็แค่ปลีกวิเวกเพื่อไปตั้งหลัก ก่อนที่จะออกสู่ทางโลกเพื่อทดสอบและประเมินตัวเอง
อย่างนี้นี่เอง เวลาประสบทุกข์ในทางโลก ๆ หลวงปู่จึงบอกว่า
"มาถูกทางแล้วล่ะ"-------------------------------------------------------------------------
บทความจากลูกศิษย์ท่านหนึ่งของหลวงปู่ดู่