พระอาจารย์ลี ธัมมธโร วัดอโศการาม อ.เมือง จ.สมุทรปราการ
...
ดวงจิตคือ "มโนธาตุ" และธรรมดาของจิตนั้น ก็มีความเร็วยิ่งกว่าลมในอากาศซึ่งมีอาการไหวไปมา และสะเทือนขึ้นลงอยู่เสมอ ไม่คงที่ ดังนั้นจึงจำเป็นที่จะต้องให้มีสติเข้าไปอาศัยอยู่ในดวงจิต เพื่อจะได้แก้จุดเสียให้เป็นดีเรียกว่า "ภาวนา"
คือ ให้กำหนดลมหายใจและระลึกถึง "พุทธคุณ"นี้ข้อหนึ่ง พุทธคุณนี้โดยพยัญชนะ ไม่จำเป็นต้องวิจาร ให้รู้แต่เพียงคำพูดที่เรานึกกันอยู่ว่า "พุทโธๆ"นี้เสียก่อน
"พุทโธ" เป็นชื่อของ "สติ" "พุทธะ" หมายความว่า รู้ แต่เพียงแค่นึกพุทโธนี้ก็ยังไม่สำเร็จรูปขององค์ภาวนา การนึกนี้ เวลานึก็ต้องประคองคำพูด ให้มีส่วนเสมอเท่ากับลมหายใจของเราด้วย คือ หายใจให้พอดี พองาม ไม่ช้านัก ไม่เร็วนัก สุดแล้วแต่ลมตามธรรมชาติ เราก็นึกอนุโลมไปตามลมหายใจ ปรับปรุงการนึกของเราให้กลมกลืนกับลม นี่จึงจะแสดงว่า เป็นการถูกต้องกับองค์ภาวนา
นี้เป็น "พุทธานุสสติ" คือ นึกถึงพระคุณของพระพุทธเจ้าโดยย่อๆ โดยอาศัย "ลม" เป็นเครื่องหมายอันหนึ่งและ "สติ" เป็นผู้นึก เมื่อสติของเราได้แนบแน่นอยู่กับลมกับจิต เป็นอันหนึ่งอันเดียวกันเช่นนี้ อายตนะส่วนอื่นๆก็จะสงบราบคาบ ดวงจิตของเราก็จะค่อยๆสงบขึ้นทีละน้อยๆ นี่ก็เรียกว่า ตั้งอยู่ใน "อารักขกัมมัฏฐาน"*ข้อหนึ่ง
การภาวนาเช่นนี้ ก็คือ "พุทธานุสสติ" ระลึกถึงคุณของพระพุทธเจ้า คือ นึกโดยการปฏิบัติ การนึกเช่นนี้ย่อมจะให้ผลแก่พุทธบริษัททุกเหล่า
...
คัดลอกจาก หนังสือแนวทางปฏิบัติ วิปัสสนา-กัมมัฏฐาน เล่ม ๒ พระอาจารย์ลี ธัมมธโร. มกราคม, ๒๕๕๓. หน้า ๘๙-๙๐
*อารักขกัมมัฏฐานหรืออารักขกรรมฐาน กรรมฐานที่ควรรักษาไว้เป็นนิจนี้ ข้อ ๑) พุทธานุสสติ ระลึกถึงพระพุทธเจ้า ข้อ ๒) เมตตา แผ่จิตออกไปด้วยความใคร่ ความปรารถนาสุขประโยชน์แก่บุคคลแก่สัตว์ทั้งหลาย ข้อ ๓) อสุภะ พิจารณากายนี้ว่าไม่งดงาม และข้อ ๔ ) มรณสติ ระลึกถึงความตาย
|