พระพุทธพจน์ - พุทธภาษิต พระธรรมเทศนา และ ธรรมะจากครูบาอาจารย์ผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ
พฤหัสฯ. 05 พ.ย. 2015 8:39 am
ธรรมทั้งสี่ประเภท คือ สมณะที่หนึ่ง ที่สอง ที่สาม ที่สี่นี้ จะเกิดขึ้นด้วยวิธีใด ถ้าไม่ใช่วิธีการแห่งจิตตภาวนาที่เป็นไปด้วยความอุตส่าห์พยายาม ความพากเพียรที่เต็มไปด้วยสติปัญญาของนักปฏิบัติ ไม่มีอันใดนอกเหนือไปจากธรรมที่กล่าวนี้จะสามารถบุกเบิกเพื่อธรรมอันสูงส่งได้ มีธรรมเหล่านี้เป็นเครื่องยืนยัน ท้าทายในการถอดถอนกิเลสทุกประเภทให้สิ้นซากไป เพราะฉะนั้นจงมั่นใจในธรรมที่กล่าวเหล่านี้และนำเข้ามาประชิดติดกับใจของเราอย่าให้เหินห่าง ไปที่ไหนก็ตามอยู่ที่ใดก็ตามอิริยาบถต่างๆ ให้มีสติเป็นเครื่องรักษาจิต ปัญญาเป็นผู้ไตร่ตรองอยู่เสมอ ชื่อว่าผู้นั้นมีความเพียรอยู่ทุกๆ อาการที่มีสติปัญญาเครื่องรักษาใจทุกระยะ นี่คือความเพียรแท้ของผู้จะเอาตัวรอดเป็นยอดคน คือยอดเรานั่นแลดีกว่าเป็นยอดใคร
หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน
สติปัญญาอัตโนมัติ
จิตดวงนี้เมื่อเข้าสู่จุดรวมแล้ว จะรู้เจ้าของไปโดยลำดับลำดาความเคลื่อนไหวมากน้อยเพียงไร สติปัญญาไม่ต้องบอก เพราะเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นอยู่กับจิต ด้วยการสั่งสม ด้วยการบำรุงตลอดเวลาอยู่แล้ว จนกลายเป็นหลักธรรมชาติ คืออัตโนมัติแห่งความเพียรของสติปัญญาขั้นนี้ทำงาน จะเป็นไปโดยลำดับ
เมื่อถึงขั้นนี้แล้วเราจะได้เห็นความอัศจรรย์ของธรรมไปโดยลำดับลำดา ในขณะเดียวกันจะเห็นความทุกข์ที่เคยเป็นมาโดยลำดับลำดา จนกระทั่งว่าทุกข์ที่กิเลสสร้างขึ้นมาในจิตใจนี้ ยังเหลืออยู่มากน้อยเพียงไร ก็ยิ่งจะเห็นเป็นพิษเป็นภัยประจำจิตอยู่ตลอดเวลา แล้วไม่ละเว้นที่จะสังหารมันจนได้นั้นแหละ นั่นละท่านเรียกสติปัญญาอัตโนมัติ มันเห็นโทษเห็นภัยกันอย่างไม่จืดจาง อย่างขยับตัวเข้าไปเรื่อย ๆ มัดเข้าไปเรื่อย ๆ มัดกิเลสมัดเข้าไปเรื่อย ๆ มัดเข้าไปเรื่อย ๆ เหมือนกับกิเลสมัดเราแต่ก่อน กระดิกออกไปแง่ใดมุมใดของอาการของจิต มีแต่เรื่องของกิเลสทำงานเพื่อมัดเราให้อยู่ในกองทุกข์ อยู่ในเงื้อมมือมันเท่านั้น
ที่นี่เมื่อธรรมมีอำนาจก็เป็นเช่นนั้น ไม่ได้ผิดกันอะไรเลย ผู้ปฏิบัติจะทราบด้วยตัวเองด้วยกันทั้งนั้น เมื่อถึงธรรมขั้นที่เป็นอัตโนมัติแล้ว นั่นละเป็นขั้นที่จะมัดกิเลสให้อยู่ในเงื้อมมือในวันใดวันหนึ่ง เวลาใดเวลาหนึ่ง อย่างรีบอย่างร้อน อย่างสด ๆ ร้อน ๆ อยู่ภายในความเพียรนั่นแล
เพราะฉะนั้นผู้มีความเพียรประเภทนี้จึงหาเวลาว่างไม่ได้ ไม่มีเวลาว่าง ตาเห็นก็ดีไม่เห็นก็ดี จิตไม่ว่างจากการขวนขวาย จากการขุดค้นเพื่อฆ่ากิเลสโดยลำดับไป ตา หู จมูก ลิ้น กายจะสัมผัสสัมพันธ์หรือไม่สัมผัสสัมพันธ์ไม่สำคัญ แต่จิตกับกิเลสนั้นจะสัมผัสกันอยู่ตลอดเวลาด้วยสติด้วยปัญญาเพื่อฆ่ากิเลสโดยลำดับไป
นี่ละถึงขั้นนี้แล้วเราจะได้เห็นคุณค่าของจิต เห็นคุณค่าของธรรม เห็นความหวังของตน ว่าสร้างขึ้นมาใกล้เข้าไปทุกทีกับความหลุดพ้นหรือพระนิพพาน หรือความบริสุทธิ์ของใจสิ้นเสร็จไปจากกิเลสประเภทต่าง ๆ จะเห็นเป็นสด ๆ ร้อน ๆ ตลอดไปเลย เพราะฉะนั้นความเพียรของผู้บำเพ็ญในขั้นนี้ จึงนับวันที่จะก้าวหน้าโดยลำดับลำดา ไม่มีคำว่ายืนว่าเดินว่านั่งว่านอนนี้ที่ความเพียรจะไม่ดำเนิน
หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน
Powered by phpBB © phpBB Group.
phpBB Mobile / SEO by Artodia.