นวรัตน์ดอทคอม

รวบรวมสาระความรู้เกี่ยวกับวัตถุมงคล-เครื่องรางของขลัง

  • Increase font size
  • Default font size
  • Decrease font size
วันเวลาปัจจุบัน พฤหัสฯ. 16 ม.ค. 2025 8:29 pm

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


Switch to mobile style


โพสต์กระทู้ใหม่ กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 
เจ้าของ ข้อความ
 หัวข้อกระทู้: สติสัมปชัญญะ
โพสต์โพสต์แล้ว: จันทร์ 23 พ.ย. 2015 4:44 pm 
ออฟไลน์

ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ 07 มิ.ย. 2009 7:24 pm
โพสต์: 4804
“..ถ้าใจยังไม่มีความสงบเย็นทางสมาธิธรรมแล้ว อย่าเข้าใจว่าตนจะได้รับความสุขเย็นใจที่ไหนๆเลย แต่จะเจอเอาแต่ความรุ่มร้อนที่แอบแฝงไปกับหัวใจที่ไม่มีความสงบนั้นนั่นแล จงพากันรีบชำระแก้ไขให้พอเห็นทางเดินของจิตเสียแต่บัดนี้เป็นต้นไป
ใครเพียร ใครอาจหาญ ใครอดทน ในการต่อสู้กับกิเลสตัวฝืนธรรมอยู่ตลอดเวลา ผู้นั้นจะเจอร่มเงาแห่งความสงบเย็นใจในโลกนี้ ในบัดนี้ และในดวงใจนี้ ไม่เนิ่นนานเหมือนการท่องเที่ยวที่เจือไปด้วยสุขด้วยทุกข์อยู่ทุกภพ ทุกชาติ ไม่มีวันจบสิ้น
ธรรมทุกบททุกบาทที่ศาสนาสอนไว้ ล้วนเป็นธรรมรื้อขนสัตว์ผู้เชื่อฟังพระองค์ ให้พ้นไปโดยลำดับ จนถึงขั้นธรรมที่ไม่กลับมาหลงโลกที่เคยเกิดตายนี้อีกต่อไป..”
โอวาทธรรมคำสอน..
องค์หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต


ไม่รู้ว่าจะบ้าขั้นไหน‬
ครูบาองค์หนึ่ง ท่านเล่าว่า ครั้งนั้น ท่านตั้งใจอดอาหารภาวนา ๑๕ วัน ในวันสุดท้าย จิตท่านเกิดความสงบอย่างประหลาด ชนิดที่ท่านก็ไม่เคยเป็นมาก่อน ท่านเล่าให้ฟังอย่างคร่าวๆว่า จิตของท่านสงบทั้งที่ยังลืมตาอยู่ ท่านเห็นจิต แยกตัวออกจากความคิดความปรุง มาเป็นกลางวางเฉยเป็นเอกเทสอยู่ ขณะที่แยกตัวจากกันนั้น เวลาคิดอะไรในใจ จะมองเห็นความคิดนั้นชัดเจน คล้ายกับว่า ความคิดเป็นอันหนึ่ง จิตผู้รู้ก็เป็นอีกอันหนึ่ง แยกเป็นคนละอันอย่างเห็นได้ชัด

ในขณะที่จิตเป็นเช่นนั้น จิตจะไม่หลงไปตามความคิดเลย ไม่ว่าจะคิดอะไรแบบไหนก็ตาม จะมองเห็นความคิด ดูราวกับว่าคล้ายเห็นด้วยตา ประหนึ่งได้ยินด้วยหู เหมือนมีเสียงคนมาพูดอยู่ท่ามกลางหน้าอก แม้มีเวทนาปรากฎ จิตก็เห็นเวทนาเป็นเพียงความรู้อันหนึ่ง ไม่ปรากฏเป็นความเจ็บความปวดใดๆ ไม่สำคัญว่า มีสติหรือไม่มีสติ จิตจะเป็นกลางวางเฉยรู้เด่นอยู่อย่างนั้น พอสมควรแล้ว จิตก็ถอนออกจากสภาพนั้น ความรู้ของจิตก็ประสานกลมกลืนกันไปกับความคิด ทำให้เกิดความรู้ความเห็นที่แตกต่างกันสองอย่าง คือ ๑.เวลาที่จิตประสานเข้ากับความคิดเป็นอย่างหนึ่ง ๒.เวลาที่จิตแยกตัวออกจากความคิดเป็นอีกอย่างหนึ่ง ครูบาเล่าว่า มันเป็นรสชาติอันแปลกประหลาดอย่างที่ท่านไม่เคยเจอมาก่อน หากเป็นผู้มีสติปัญญาเบา อาจสำคัญผิดคิดปรุงแต่งเอาว่า บรรลุธรรมขั้นนั้นขั้นนี้ไปแล้วก็ได้ แล้วครูบาก็เตือนตนเองว่า

"บรรดาผู้รู้ทั้งหลาย ย่อมรู้ธรรมได้ด้วยสันทิฏฐิโก คือธรรมที่ปรากฏขึ้นเป็นสักขีพยานประจักษ์ชัดอยู่ภายในจิต สิ้นสงสัยในธรรมที่ได้รู้ได้เห็นแล้ว ทั้งไม่มีความคิดปรุงแต่งสำคัญผิดใดๆว่าตนบรรลุธรรมขั้นนั้นขั้นนี้ เมื่อรู้ธรรม ก็คือรู้เท่าสังขารความคิดปรุงของจิต เมื่อรู้เท่าสังขารความคิดปรุงของจิต จิตก็จะไม่หลงไปตามความคิดปรุงแต่งใดๆ เมื่อจิตไม่หลงไปตามความคิดปรุงแต่งใดๆ ความคิดนั้นก็เป็นเพียงสักแต่ว่าคิด คิดแล้วก็ดับไป จะคิดหรือไม่คิด จิตก็ทรงตัวเป็นอุเบกขาวางเฉยอยู่ จะไม่ปรากฏเป็นความสำคัญผิดยึดถือในความคิดนั้นๆเลย ดังนั้น หากใครภาวนาแล้วเกิดความคิดปรุงแต่งเอาเองว่า ได้บรรลุธรรมขั้นนั้นขั้นนี้ ก็จงระวังไว้ให้ดี เดี๋ยวภาวนาแล้วไม่รู้ว่าจะกลายเป็นบ้าขั้นไหน"

ครูบารู้สึกว่า จิตใจมันปลอดโปร่งเบาสบาย เวลาคิดพิจารณาธรรมใดๆ ก็มองเห็นความคิดนั้น ดูราวกับว่า คล้ายเห็นด้วยตา ประหนึ่งว่าได้ยินด้วยหู เป็นเช่นนี้อยู่เรื่อยๆ รู้สึกเพลิดเพลินในการพิจารณาธรรมยิ่งนัก พอรุ่งเช้าครูบาก็ออกไปบิณฑบาตตามปกติ เช่นที่เคยทำมา แต่ตอนขากลับจากบิณฑบาตนั้น พระเณรต้องเดินผ่านพ่อแม่ครูอาจารย์ ในช่วงใกล้ๆจะถึงประตูวัด อันนี้ก็เป็นอุบายอันชาญฉลาด ที่พ่อแม่ครูอาจารย์ คอยสอดส่องพระเณรในยามบิณฑบาตไปในตัว ถ้าหากเห็นพระหนุ่มองค์ไหน เดินบิณฑบาตมาช้ากว่าหมู่พวกเป็นประจำ พระองค์นั้น จงระวังตัวให้ดี บางทีก็อาจจะได้ฟังเทศน์เด็ดๆตามมา


"พระหนุ่มๆหัวเท่ากำปั้น เดินบิณฑบาตยังกะคนแก่อายุ ๘๐ มันใช้ไม่ได้นะ"

ครูบาเล่าว่า ได้เดินแซงพ่อแม่ครูอาจารย์ตอนใกล้ๆจะถึงประตูวัด ในขณะที่กำลังจะแซงท่านไปนั้น ก็ได้ยินเสียงองค์ท่านพูดขึ้นเบาๆ พอให้ครูบาได้ยิน

"พระ!! ภาวนาแล้วไม่รู้ว่าจะกลายเป็นบ้าขั้นไหน"

พอครูบาได้ยินคำพูดพ่อแม่ครูอาจารย์เท่านั้น ท่านก็รู้สึกเอะใจทันที

"เอ! พ่อแม่ครูอาจารย์พูดกับใครหว่า" แล้วก็หันไปดูรอบๆตัว ก็ไม่เห็นมีใครอยู่เลย มีแต่ครูบาองค์เดียว หันไปดูพ่อแม่ครูอาจารย์ ก็เห็นท่านเดินอยู่ตามปกติ เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ครูบาเล่าว่า มันอัศจรรย์ตรงที่ คำพูดที่พ่อแม่ครูอาจารย์พูดออกมานั้น มันเป็นคำพูดเดียวกับที่ท่านเตือนตัวเองเมื่อคืนยังไงยังงั้นเลยนี่สิ แล้วท่านก็เกิดปีติน้ำตาไหลพรากว่า

"โห! พ่อแม่ครูอาจารย์ไม่ได้ทอดทิ้งให้เราอยู่อย่างโดดเดี่ยวเดียวดายเลย เราอดอาหารทำความเพียรอย่างอุกฤษฏ์มาตลอด ๑๕ วัน ทั้งเดินจงกรมหนัก ทั้งนั่งสมาธินาน ล้วนอยู่ในสายตาของพ่อแม่ครูอาจารย์มาตลอด ก็คำพูดเมื่อสักครู่นี้ของท่านย่อมเป็นสักขีพยานได้เป็นอย่างดี มันน่าอัศจรรย์ใจยิ่งนัก นี่แหละหนา!!! การได้อยู่กับครูบาอาจารย์ที่ท่านเป็นนักปราชญ์แท้ๆ ก็เป็นอย่างนี้เอง"

ครูบาบอกว่า “มันเกิดกำลังใจฮึกเหิมขึ้นปานจะเหาะจะบินเอาเลยทีเดียว”

การที่พ่อแม่ครูอาจารย์ใช้ความรู้ภายในของท่านแสดงออกต่อพระเณรเป็นการเฉพาะราย ในบางครั้งบางคราวอย่างนี้นี่แล มันทำให้พระเณรต้องตื่นตัวอยู่ตลอดเวลา ในรายที่กำลังภาวนาดีๆ ก็เป็นเหตุให้เร่งความเพียรแบบหามรุ่งหามค่ำเลยทีเดียว จะว่าไป คำพูดของพ่อแม่ครูอาจารย์ ก็เป็นเหมือนกับยาชูกำลังดีๆนี่เอง ส่วนรายที่ขี้เกียจขี้คร้าน ก็ไม่กล้านิ่งนอนใจ ต้องได้ขยันทำความเพียรบ้างเป็นพักๆไป เพราะกลัวถูกขับออกจากวัดนั่นเอง
•ข้อวัตรปฏิปทาในพ่อแม่ครูอาจารย์ หลวงตาพระมหาบัว ญาณสัมปันโน•




สติสัมปชัญญะ‬
คนหลง ใจหลง ไม่รู้ตัว เวลาคนอื่นทำชั่ว ทำไม่ดีก็ไปติเตียนเขา นินทาเขา ไม่ชอบ ไม่พอใจ แต่ตัวเองหลงอยู่ โลภ โกรธ หลง อยู่ ถือตัว ถือตนอยู่ ก็ไม่รู้ตัว ไม่ปรับปรุงแก้ไขตัวเอง จะเป็นคนดีขึ้นได้อย่างไร มันก็ชั่วตลอดกาล ใจหลงเสียมืดมน อดีตก็หลงว่าใจเป็นตัวเป็นตน ปัจจุบันก็หลงว่าใจเป็นตัวเป็นตน อนาคตก็หลงว่าใจเป็นตัวเป็นตน ยังไปหลงรูปหลงนามเป็นตัวเป็นตนเข้าอีก เมื่อหลงเป็นตัวเป็นตนของเรา ก็ไปหลงว่าเป็นตัวเป็นตนของเขา เลยยุ่งกันใหญ่ไม่รู้จักจบ ไม่รู้จักสิ้น หลงจนลืมอนัตตา สุญญตา ใจหลงเสียมืดมนก็เป็นมนุสสเนรยิโก มนุสสเปโต ตโม ตม ปรายโน มืดมาแล้วก็มืดต่อไปอีก
•หลวงพ่อบุญจันทร์ จันทวโร เป็นพระป่าวิปัสสนากรรมฐานในสาย พระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต เป็นลูกศิษย์หลวงปู่ตื้อ, หลวงปู่แหวน, ท่านพ่อลี, หลวงปู่ชอบ, หลวงปู่สิม ที่มีปฏิปทาน่าเคารพศรัทธาเลื่อมใสยิ่งนัก •


ข้างบน
 ข้อมูลส่วนตัว  
 
แสดงโพสจาก:  เรียงตาม  
โพสต์กระทู้ใหม่ กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: Google [Bot] และ บุคคลทั่วไป 89 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ไปที่:  
cron
ขับเคลื่อนโดย phpBB® Forum Software © phpBB Group
Thai language by phpBBThailand.com
phpBB SEO