นวรัตน์ดอทคอม

รวบรวมสาระความรู้เกี่ยวกับวัตถุมงคล-เครื่องรางของขลัง

  • Increase font size
  • Default font size
  • Decrease font size
วันเวลาปัจจุบัน พฤหัสฯ. 16 ม.ค. 2025 8:29 pm

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


Switch to mobile style


โพสต์กระทู้ใหม่ กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 
เจ้าของ ข้อความ
โพสต์โพสต์แล้ว: พุธ 23 ธ.ค. 2015 5:19 am 
ออฟไลน์

ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ 07 มิ.ย. 2009 7:24 pm
โพสต์: 4804
“พบกันถือเป็นวาสนา
ผูกพันคือโชคชะตา พลัดพรากคือชะตากรรม”?

คนเราแม้จะอยู่ห่างไกลกันแสนไกล การที่ได้มาพบเจอกันนั้นเป็นเพราะมีวาสนาต่อกัน
ส่วนคนที่อยู่ ใกล้กันนิดเดียว ถ้าไม่มีวาสนากันแล้ว ก็ไม่ได้พบเจอหรือทักทายกันเลย

มีชายหญิงคู่หนึ่งรักกันมาก
คบกันมา 3 ปี ทั้ง 2 ตกลงจะแต่งงานกัน
เมื่อกำหนดวันเรียบร้อย ฝ่ายชายเองก็รอคอยวันที่จะแต่งงาน

ต่อมาไม่นานฝ่ายชายรู้ข่าวว่า คู่รักของตนแต่งงานกับคนอื่นอย่างกะทันหัน
โดยฝ่ายหญิงเองก็เต็มใจ ไม่ได้ถูกบังคับแต่อย่างใด
เมื่อได้ทราบข่าว เขาทั้ง งง และ เสียใจ มาก
ร้องไห้ไม่กินไม่นอน ไม่นานก็ป่วยหนักเพราะตรอมใจ

เวลาผ่านไป ฝ่ายชายป่วยหนักขึ้นเรื่อยๆไปหาหมอเท่าไหร่ก็ไม่ดีขึ้น
ขณะที่นอนซมอยู่ที่บ้านนั้น มีหลวงตาแก่ๆผ่านมา

เมื่อมาถึงหลวงตาหยุดอยู่ที่หน้าบ้าน แล้วมองเข้าไปในบ้านจึงเคาะประตู
เด็กรับใช้ออกมาเปิดประตูพบว่า เป็นพระ จึงบอกว่า ไม่ทำบุญนิมนต์ข้างหน้า
หลวงตายิ้มอย่างมีเมตตาแล้วพูดว่า อาตมาไม่ได้มาบิณฑบาต

ในบ้านมีคนป่วยใช่มั้ย อาตมาพอมีความรู้ทางด้านการแพทย์นิดหน่อย
ไม่รู้จะพอช่วยได้รึปล่าว เด็กรับใช้ได้ฟังก็อึ้งแต่ก็บอกว่าตัดสินใจเองไม่ได้
ต้องขอไปถามเจ้านายก่อน เด็กรับใช้เดินเข้าไปในบ้านถามเจ้านาย
เจ้านายตอบอย่างตัดรำคาญว่าอยากเข้ามา ก็เข้ามา!

เมื่อหลวงตาเข้าไปพบที่ห้องนอนพบว่า
ชายคนดังกล่าวนอนอย่างหมดอาลัยตายอยากอยู่บนเตียง
สีหน้าซีดเซียว ร่างกายซูบผอมประหนึ่งครึ่งคนครึ่งศพ
เด็กรับใช้นำน้ำมาถวายหลวงตา พร้อมจัดเก้าอี้ถวายข้างๆเตียงของชายคนนั้น
หลวงตายิ้มแล้วพูดว่าอาการหนักเลยนะ

ชายคนนั้น นิ่งเงียบไม่สนใจในสิ่งที่หลวงตาพูด
หลวงตาตรวจอาการพอเป็นพิธี จึงกล่าวว่า โทรมมากเลยนะ

ชายคนนั้นไม่สนใจ หลวงตาบอกว่าไม่เชื่อ ลองมองที่กระจกสิ
ชายคนนั้นไม่สนใจ แต่ขณะที่หางตาชายไปที่กระจกแต่งตัวในห้องนอน
เขามองเห็นภาพของคนที่รักอยู่ในนั้น ไม่นานภาพของคนรักก็ค่อยๆจางหายไป
กลายเป็นภาพทิวทัศน์ชายทะเล

ที่ชายทะเลแห่งนั้นเงียบสงบ ไม่มีคนผ่านไปมา
ขณะที่ชายคนที่ป่วยนั้น มองภาพในกระจกด้วยความสนใจนั้น
เขาพบว่า มีศพหญิงสาวนอนเปลือยกายอยู่ที่ชายหาด

เวลาผ่านไปสักครู่ มีชายคนหนึ่งเดินผ่านมา
เขามองเห็นศพหญิงคนนั้นด้วยความรังเกียจ แล้วเดินผ่านไปอย่างรวดเร็ว

ต่อมาพักใหญ่มีชายอีกคนหนึ่งเดินผ่านมา เขามองเห็นศพนั้น
เขาสงสารจึงถอดเสื้อนอกออกมาคลุมร่างของหญิงคนนั้น แล้วเดินจากไป

พักใหญ่ๆอีกเช่นกัน มีชายอีกคนเดินผ่านมา
เขาพบคนนอนมีผ้าคลุมอยู่ จึงเปิดออกดู เมื่อพบว่า เป็นศพ
ด้วยใจสงสาร จึงจะฝังให้เรียบร้อย แต่ก็ไม่มีเครื่องมือจะขุด

เขาจึงตัดสินใจใช้มือทั้ง 2 ข้างๆ ค่อยๆกอบทรายขึ้นมา
เขาทำแบบนี้ไปเรื่อยๆ จนเย็น พอได้หลุมใหญ่พอสมควร
จึงได้ฝังศพผู้หญิงคนนั้นเรียบร้อยแล้วจากไป

จากนั้นภาพในกระจกก็เปลี่ยนเป็นภาพของศพหญิงคนนั้น
และก็ค่อยๆเปลี่ยนเป็นภาพของหญิงคนรัก เขาได้เห็นก็ตกใจ
พอสักพัก ก็ปรากฏเป็นภาพชายคนที่ 2
แล้วก็ค่อยๆจางหายไป เหลือแต่เงาของตัวเองในกระจก

ทันใดนั้นหลวงตาพูดว่า ทีนี้เข้าใจรึยัง ศพนั้นคือคู่รักของโยม
ชายคนที่ช่วยฝังศพเธอ ผูกวาสนากับเธอหนึ่งชาติ
ชาตินี้เธอเลยแต่งงานกับเขา

ส่วนโยมช่วยคลุมศพเธอ
จึงผูกวาสนา 3 ปี ตอนนี้ครบ 3 ปี วาสนาสิ้นแล้วก็ต้องจากกัน

เมื่อชายคนนั้นฟังจบก็กระอักเลือดออกมา เด็กรับใช้ตกใจมาก
หลวงตายิ้มแล้วบอกว่า โยมรอดแล้ว เมื่อกี้โยมกระอักเลือดเอาเลือดเสียออกมาแล้ว
ต่อมาไม่นานชายคนนั้นก็ได้ออกบวชในที่สุด
คนเราเจอกัน ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ
ความสัมพันธ์ พ่อ , แม่ , พี่ , น้อง , ญาติ , เพื่อน , ศัตรู , คนรัก ฯลฯ ไม่ใช่ของเลื่อนลอย
เมื่อมีวาสนา ไม่ต้องเรียกร้อง ถึงเวลาก็มาเจอกัน
เมื่อสิ้นวาสนา ก็ต้องจากกัน รั้งยังไงก็ไม่อยู่




เจตนา คือ สาระสำคัญของการทำบุญ
ไม่ได้อยู่ที่ทุน ว่ามีมากหรือน้อย

เมื่อมีเจตนาแรงกล้า แม้มีของน้อย
แต่บุญของเขา หาน้อยตามไปด้วยไม่

ว.วชิรเมธี





"ความฉลาด ความดี และความสุข" มาพร้อมกัน เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน แยกออกจากกันไม่ได้... เพราะถ้าเราฉลาดจริงๆแล้วจะไม่มีทางทำความชั่วได้เลย และเมื่อไม่ทำความชั่วจิตใจก็เป็นกุศลเป็นสุข
- พระอาจารย์ชยสาโร



เด็กทำอะไรตามประสาเด็ก เราไม่ถือสา
ผู้ใหญ่มีกิเลสทำอะไรตามประสากิเลส เราไม่ต้องถือสาเหมือนกัน
แต่ไม่ว่าเรื่องเด็กหรือเรื่องผู้ใหญ่ เมื่อยอมรับในความเป็นธรรมดาได้แล้ว
เราต้องใช้ปัญญาพิจารณาว่าเรื่องนี้เป็นธรรมดาที่ควรยอมรับ หรือธรรมดาที่ควรแก้ไข
พระอาจารย์ชยสาโร



รีบสร้างกุศลไว้ เมื่อความตายยังไม่มาถึง
เมื่อความตายมาถึง เงินหนึ่งสลึงก็เอาไปไม่ได้
(หลวงปู่สาย เขมธัมโม)



ต้องปฏิบัติให้เป็นไปตามแนวทางที่พระพุทธเจ้าวางไว้
เมื่อบรรลุมรรคผลจะรู้เองไม่ต้องถามใคร
เพราะฉะนั้นพระอริยเจ้าท่านจะไม่เถียงกัน
เหมือนเอาน้ำตาลทรายมาวางไว้ให้กิน
คนกินจะไม่ถามกันเองว่ารสชาดเปรี้ยวไหม รสชาดเป็นอย่างไร
คนที่ถามคือคนที่ยังไม่ได้กิน
หลวงพ่อทูล
วัดป่าบ้านค้อจังหวัดอุดรธานี




หลวงพ่อปราโมทย์ – วีธีแยกขันธ์

วิธีแยกขันธ์นะ
เราฝึก … มันมีเครื่องมืออยู่ 2 ตัว
อันนึงคือสติ อันนึงคือสมาธิ

ตอนที่ขันธ์มันแยกเนี่ย จิตมันตั้งมั่น
มีสมาธิอยู่ เป็นคนดู
สติมาระลึกรู้ลงไป ในร่างกาย ในรูปธรรม
ในนามธรรมทั้งหลาย ความสุขความทุกข์
ความจำได้หมายรู้ ความดีความชั่ว

ระลึกลงไปด้วยจิตที่ตั้งมั่น
มันก็จะเห็นสภาวะทั้งหลายมันแยกออกจากจิต
จิตเป็นคนดู
พอสติระลึกรู้ร่างกาย จิตตั้งมั่นเป็นคนดู
มันก็เห็นกายกับจิตแยกออกจากกัน

จิตตั้งมั่นเป็นคนดู
สติระลึกรู้เวทนา คือความรู้สึกสุขทุกข์
จะเห็นเวทนากับจิตมันแยกออกจากกัน คนละส่วนกัน
อันนึงเป็นคนรู้ อันนึงเป็นสิ่งที่ถูกรู้

ผู้รู้นี่จิตมันตั้งมั่นเป็นคนรู้
สติไประลึกรูปธรรม นามธรรมทั้งหลาย
พอระลึกลงไปทีไร ถ้าจิตตั้งมั่นอยู่ละก็ สิ่งทั้งหลายนั้นถูกรู้
สิ่งที่ถูกรู้ไม่ใช่เราหรอก
มันก็จะแยกออกไปอยู่ต่างหาก
คนละอันกับจิต จิตเป็นคนรู้

มันจะมีคำอยู่ 2 คำนะ คำว่าผู้รู้ กับสิ่งที่ถูกรู้
จิตเป็นผู้รู้ สิ่งที่ถูกรู้เรียกว่าอารมณ์
ภาษาบาลีใช้คำว่าอารมณ์
ภาษาไทยเนี่ย ยืมคำว่าอารมณ์มาใช้แล้วเพี้ยนออกไป

อารมณ์แปลว่าตัวอ๊อปเจ็ค (Object) ตัวสิ่งที่ถูกรู้
ไม่ใช่อีโมชั่น (Emotion)
งั้นอย่างตาเราเห็นรูปเนี่ย รูปเป็นอารมณ์ที่จิตรู้ทางตา
ถ้าจิตตั้งมั่น สติระลึกรู้รูป ก็เห็นว่ารูปไม่ใช่ตัวเรา
รูปกับจิตแยกออกจากกัน

ถ้าจิตตั้งมั่นอยู่ สติระลึกรู้เสียง
ก็จะเห็นว่าเสียงกับจิตนั้น คนละอันกัน
จิตเป็นคนรู้ เสียงเป็นสิ่งที่ถูกรู้
เนี่ยค่อยๆ ฝึก

งั้นเครื่องมือมี 2 ตัวนะ
ตัวนึงคือสมาธิ ตัวนึงคือสติ
สมาธิจะทำให้จิตตั้งมั่นเป็นคนดู
สติเป็นตัวระลึกรูปธรรม นามธรรมทั้งหลายที่ปรากฏขึ้นมา
งั้นถ้าเรามีเครื่องมือ 2 ตัวนี้ เราก็แยกได้

หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชโช
วัดสวนสันติธรรม ศรีราชา
19 ธ.ค. 2558



. ● คำสอน หลวงพ่อ ●
" ผลของการด่าลูก "
มีโยมผู้หญิงคนหนึ่งพาลูกมากราบหลวง
พ่อ ขอให้หลวงพ่อเป่าหัวให้ ให้หลวงพ่อ
ให้พรเพื่อให้ลูกจะได้กลับเนื้อกลับตัวเป็น
คนดีแล้วก็เล่าเรื่องของลูกให้หลวงพ่อฟัง
" ลูกของตนเองแย่มาก ไม่ค่อยกลับบ้าน
ติดเพื่อน เรียนก็ไม่เรียน เกเร ไม่เคยช่วย
พ่อแม่ทำงาน บ่นสารพัด ไม่มีดีสักอย่าง"
หลวงพ่อบอกผู้หญิงคนนั้นให้ใจเย็นๆ
แล้วหันไปถามเด็กคนนั้นว่า
" หนู อยู่ที่บ้านเป็นไงบ้างหละ ทำไมไม่
ชอบกลับบ้าน "
เด็กก็กล่าวกับหลวงพ่อว่า
" หนูอยู่บ้านแม่ก็ชอบบ่น ชอบด่าหนู
ตลอด ออกจากบ้านก็ด่า กลับมาก็ด่า...
ด่าตลอดๆ ไม่เคยว่าหนูดีสักอย่าง "
หลวงพ่อจึงหันไปสอนโยมผู้หญิงว่า...
"โยม..ไม่ต้องมาให้หลวงพ่อเป่าหัวให้ลูก
ไม่ต้องมาขอพรหลวงพ่อให้ลูกหรอก โยม
ด่าลูกแช่งลูกทุกวัน พรหลวงพ่อไม่ได้ผล
หรอก ถ้าจะได้ผล โยมเป็นแม่เขา พรของ
โยมศักดิ์สิทธิ์กว่าพรของอาตมาอีก จากนี้
ไปให้พูดกับลูกดีๆ ให้พรลูกทุกวัน ให้เขา
เรียนหนังสือเก่งๆ ให้เขาเป็นคนดี นี่จะเรียก
ว่าเป็นพรอันประเสริฐ ลองไปทำดูนะ "
หลังจากนั้นไม่นาน...
โยมผู้หญิงคนนั้น เข้ามากราบหลวงพ่อ
พร้อมบอกหลวงพ่อว่า ได้ปฏิบัติตามคำแนะ
นำของหลวงพ่อ ตอนนี้เข้าใจลูกมากขึ้น
และลูกก็ดีขึ้น ครอบครัวมีความสุขขึ้น...
♢หลวงพ่อจรัญ ฐิตธมฺโม♢
: ที่มา : หนังสือธรรมวิธีการแก้ปัญหา






ขอเชิญร่วมงานบุญ 2 ม.ค 59 หล่อพระประธานอุโบสถ และ หล่อพระอรหันตสาวก 108 องค์ ณ วัดหนองแช่เสา อ.เมือง จ.ราชบุรี


14 ก.พ 59 หล่อพระประธาน พระพุทธเมตตา ปางประทานพร ณ วัดหนองเสือยางปราสาท อ.บ้านโป่ง จ.ราชบุรี



วัดรางกระต่างยรังสรรค์ ต.ตระคร้ำเอน อ.เขามะกา จ.กาญจนบุรี ขอเชิญหล่อพระปางป่าเลไลย์ วันที่ 3 ม.ค.59


ข้างบน
 ข้อมูลส่วนตัว  
 
แสดงโพสจาก:  เรียงตาม  
โพสต์กระทู้ใหม่ กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: Google [Bot] และ บุคคลทั่วไป 85 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ไปที่:  
cron
ขับเคลื่อนโดย phpBB® Forum Software © phpBB Group
Thai language by phpBBThailand.com
phpBB SEO