พระพุทธเจ้ากล่าวว่า....
ตถาคตเป็นแค่เพียงผู้ชี้บอกทางเท่านั้น
"ท่านทั้งหลายจงมีธรรมเป็นที่พึ่งเถิด
อย่ามีอย่างอื่นเป็นที่พึ่งเลย
เราตถาคตเองเป็นที่พึ่งแก่ท่านทั้งหลายไม่ได้
ตถาคตเป็นแค่เพียงผู้ชี้บอกทางเท่านั้น
ส่วนความเพียรพยายามเพื่อเผาบาปอกุศล
ท่านทั้งหลายต้องทำเอง
ทางมีอยู่ เราชี้แล้วบอกแล้ว
ท่านทั้งหลายต้องเดินเอง"
"หลวงปู่มั่น โปรดผีหวงกระดูก"
เรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อประมาณปี พ.ศ.2490 ขณะที่ผู้เล่าอยู่กับท่านพระอาจารย์มั่นที่วัดป่าบ้านหนองผือ วันหนึ่งนายฟอง ชินบุตร โยมผู้นี้มาวัดประจำ เธอได้แบกไหกระเทียมชนิดปากบาน มีฝาครอบ ขนาดใหญ่เกือบเท่าขวดโหล ข้างในบรรจุกระดูกนำมาถวายท่านพระอาจารย์
โยมฟองเล่าว่า..
เจ้าของไหเขาให้นำมาถวาย เป็นไหใส่กระดูกคน ดูเหมือนจะเป็นกระดูกเด็ก แต่กระดูกนั้นนำไปฝังดินแล้ว ปากไหบิ่...นเพราะถูกผานไถขูดเอา โยมฟองได้เล่าถึงเหตุที่ได้ไหนี้มาว่า
นายกู่ พิมพบุตร
ผู้เป็นเจ้าของนา ตั้งใจจะไปไถนาตอนเช้าตรู่ ตื่นขึ้นมาเห็นยังมืดอยู่ จึงนอนต่อ พอเคลิ้มหลับไปก็ฝันเห็นว่า มีชายคนหนึ่งเดินเข้ามาหา บอกว่า
"ให้ไปเอาไหกระดูก 2 ใบ ไปถวายท่านพระอาจารย์มั่นให้ด้วย"
นายกู่ถามว่า "ไหอยู่ที่ไหน"
ชายคนนั้นตอบว่า "ไถนาไปสัก 3 รอบก็จะเห็น"
ถามว่า "ชื่ออะไร"
ตอบว่า..
"ชื่อตาเชียงจวง มาเฝ้ากระดูกลูกอยู่ที่นี่ได้ 500 ปีแล้ว วันหนึ่งได้ยินเสียงท่านพระอาจารย์มั่นเทศน์แว่วๆ มาในเวลากลางคืนว่า เป็นหมามานั่งเฝ้าหวงกระดูก แล้วก็กัดกัน ส่วนเนื้อล่ำๆ อร่อยๆ มนุษย์เอาไปกินหมดแล้ว มัวแต่มานั่งเฝ้าห่วงเฝ้าหวงกระดูกตนเอง กระดูกลูกเมีย ตายแล้วไปเป็นผีเปรต ต้องมานั่งเฝ้ากระดูกถึง 500 ปีแล้ว จึงได้สติระลึกได้ ทั้งๆ ที่อดๆ อยากๆ ผอมโซ ก็ยังพอใจเฝ้าหวง เฝ้าห่วงกระดูกลูกเมียอยู่ กว่าจะรู้ตัวก็เสียเวลาไป 500 ปีแล้ว"
นี่แหละ..
เพราะความรัก ความห่วงหาอาลัย เป็นเหตุพาให้ไปเกิดเป็นผีเป็นเปรต เฝ้าสิ่งที่รักและอาลัย จนลืมวันลืมเวลา
หนังสือประวัติ หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต
เขียนโดยหลวงตามหาบัว
ทุกคนมีโอกาสที่จะเลือกชีวิตข้างหน้า
ภพภูมิข้างหน้าได้ พึงทำความดีให้เต็มความสามารถ
อย่าละโอกาสที่จะทำความดีนั้นเลย
นั่นแหละ จะเป็นการเลือกภพชาติข้างหน้าสำหรับตนได้
จะเลือก"เป็น" อะไรก็ได้ "ไม่เป็น"อะไรก็ได้
สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราชสกลมหาสังฆปริณายก
..เมื่อเทียบเคียงกับบุญกิริยาวัตถุ ๑๐ วิธี แล้ว ไม่พบว่าการรับประทานอาหารมังสวิรัติ คือ รับประทานแต่พืชผักเป็นวิธีทำบุญข้อใดเลย จึงไม่นับว่าเป็นวิธีทำบุญในพระพุทธศาสนา ลองคิดดูว่าถ้าการกินพืช เช่น ผัก หญ้า ได้บุญ แล้วสัตว์ที่กินพืชเป็นอาหาร เช่น วัว ควาย แพะ แกะ ก็ต้องได้บุญมากกว่ามนุษย์ เพราะสัตว์พวกนี้กินพืชตลอดชีวิตไม่กินเนื้อสัตว์เลย..
เรื่อง "การบริโภคเนื้อสัตว์"
(วิสัชนาธรรมโดย สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราชฯ)
สมเด็จพระสังฆราช เคยปรารถเรื่องการกินเจกับพระราชินีว่าคนไทย "เข้าใจผิด" อยู่มาก
การกินเจ (ตั้งใจไม่กินเนื้อสัตว์) จริงๆไม่ได้บุญ
อธิบาย คือ เราไม่กินข้าวขาหมู แล้วคิด(จิตนาการ) ว่า หมูจะไม่ถูกฆ่า เปรียบได้กับเรานั่งอยู่บ้านเฉยๆ แล้วคิด(จิตนาการ) ว่า เราไปช่วยสอนหนังสือคนอนาถา บุญที่เราไปสอนหนังสือคนอนาถานั้น ไม่มี ไม่เกิด เพราะเรา นึกๆคิดๆไปเองไม่ได้ทำ ไม่ได้กระทำจริง ถ้าอยากได้บุญ เราต้องช่วยชีวิตสัตว์ มี ๒ ข้อ คือ
๑.ช่วยชีวิตมันโดยการไถ่ชีวิต ซื้อสัตว์ที่กำลังถูกฆ่านำมาปล่อย
๒.เมตตาสัตว์ไม่ทำร้ายมัน อย่างนี้เป็นบุญ
แต่การกินเจ บุญไม่เกิด เพราะเราไม่ได้ลงมือกระทำจริง(ช่วยชีวิตสัตว์) เป็นเพียงแต่คิดไปเอง
พระเทวทัตเคย มาเสนอให้ชาวพุทธไม่กินเนื้อสัตว์
พระพุทธเจ้าปฎิเสธ พร้อมให้เหตุผลว่า
๑. เนื้อสัตว์ไม่ใช่ของเหม็น อกุศลกรรมต่างหากที่เป็นของเหม็น
๒. พระต้อง ควรเป็นผู้เลี้ยงง่าย
๓. อนุญาติในการกินเนื้อสัตว์ที่ -ไม่เห็น -ไม่รู้ -ไม่ใช่เนื้อที่ฆ่าโดยเฉพาะให้ตน
๔. อาหารเป็นแค่ของเลี้ยงกายไม่ให้ตาย อย่าสนใจมาก
การรับประทานอาหารมังสวิรัติเป็นบุญหรือไม่
การที่จะวินิจฉัยว่าการกระทำอะไร เป็นบุญหรือไม่เป็นบุญนั้น ต้องอาศัยกับหลักคำสอนของพระพุทธเจ้า ที่ว่าด้วย บุญกิริยาวัตถุ ๑๐ อย่าง คือ
๑. ทานมัย บุญสำเร็จด้วยการบริจาคทาน
๒. สีลมัย บุญสำเร็จด้วยการรักษาศีล
๓. ภาวนามัย บุญสำเร็จด้วยการเจริญภาวนา
๔. อปจายนมัย บุญสำเร็จด้วยประพฤติอ่อนน้อมถ่อมตนต่อผู้ใหญ่
๕. เวยยาวัจจมัย บุญสำเร็จด้วยการช่วยเหลือขวนขวายในกิจการงานต่างๆ
๖. ปัตติทานมัย บุญสำเร็จด้วยการให้ส่วนบุญ
๗. ปัตตานุโมทนามัย บุญสำเร็จด้วยการอนุโมทนาส่วนบุญ
๘. ธัมมัสสวนมัย บุญสำเร็จด้วยการฟังธรรม
๙. ธัมมเทสนามัย บุญสำเร็จด้วยการแสดงธรรม
๑๐.ทิฏฐุชุกัมม์ การทำความคิดเห็นของตนให้ตรง
เมื่อเทียบเคียงกับบุญกิริยาวัตถุ ๑๐ วิธี แล้ว ไม่พบว่าการรับประทานอาหารมังสวิรัติ คือ รับประทานแต่พืชผักเป็นวิธีทำบุญข้อใดเลย จึงไม่นับว่าเป็นวิธีทำบุญในพระพุทธศาสนา ลองคิดดูว่าถ้าการกินพืช เช่น ผัก หญ้า ได้บุญ แล้วสัตว์ที่กินพืชเป็นอาหาร เช่น วัว ควาย แพะ แกะ ก็ต้องได้บุญมากกว่ามนุษย์ เพราะสัตว์พวกนี้กินพืชตลอดชีวิตไม่กินเนื้อสัตว์เลย
การกินเนื้อสัตว์ บาป หรือ ไม่ ?
การที่จะวินิจฉัยว่าบาปหรือไม่บาปนั้น ต้องพิจารณาว่า การกินเนื้อสัตว์ที่ตายแล้ว เป็นการผิดศีลข้อปาณาติบาต หรือไม่ ศีลข้อปาณาติบาต คือ งดเว้นจากการฆ่าสัตว์ นั้นจะผิดศีลก็ต่อเมื่อประกอบด้วย องค์ ๕ คือ
๑. ปาโณ สัตว์มีชีวิต
๒. ปาณสญฺญิตา รู้ว่าสัตว์มีชีวิต
๓. วธกจิตฺตํ จิตคิดจะฆ่า
๔. อุปกฺกโม พยายามที่จะฆ่า
๕. เตน มรณํ สัตว์ตายด้วยความพยายามนั้น
เมื่อครบองค์ประกอบทั้ง ๕ ข้อ จึงถือว่าเป็นการฆ่าสัตว์ ผิดศีลข้อที่ ๑ เป็นบาป แต่ถ้าไม่ได้ลงมือฆ่าเอง และไม่ได้ใช้ให้ผู้อื่นฆ่า ก็ไม่เป็นบาป ตัวอย่าง เราไปจ่ายตลาด ซื้อกุ้งแห้ง ปลาดุกย่าง ปลาทู เนื้อหมู ฯลฯ เราได้มีส่วนร่วมในการฆ่าสัตว์เหล่านั้นหรือไม่ สัตว์เหล่านั้นย่อมตายก่อนที่เราจะไปซื้อมาเป็นอาหาร ถึงเราจะซื้อหรือไม่ซื้อ สัตว์เหล่านั้นก็ตายอยู่แล้ว เราไม่ได้มีส่วนทำให้ตาย
มีพุทธภาษิตบทหนึ่งว่า
“นตฺถิ ปาปํ อกุพฺพโต”
“บาป ไม่มีแก่ผู้ไม่ทำ”
การกินผักก็อาจจะต้องฆ่าสัตว์ทางอ้อมไปด้วยเช่นกัน เพราะต้องไถดิน ใส่ปุ๋ย ใช้ยากำจัดแมลง อาจทำให้แมลงต่างๆ ไส้เดือนตายได้ ถ้าแบบนี้บาปก็คงไม่ต้องทำสัมมาอาชีพกันเลย
หลวงปู่แหวนท่านบอกว่า
"ไอ้วัวควายกินหญ้าอยู่ตั้งนาน ไม่เห็นเป็นพระอรหันต์ซักตัว"
ที่มาจาก พระอรหันต์ สายหลวงปู่มั่น
ผ้าขี้ริ้วห่อทอง>สมญานาม “ผ้าขี้ริ้วห่อทอง”
“หลวงปู่เจ้าคะ” อุบาสิกาคนหนึ่งกราบเรียนถามขึ้น พร้อมๆกับพนมมือขึ้นเหนือเศียรเกล้า เพื่อขอโอกาสเรียนถาม “หลวงตามหาบัวฯ พูดที่สวนแสงธรรมชมหลวงปู่มากว่าเป็นผ้าขี้ริ้วห่อทอง เป็นเหมือนพระทองคำถูกปูนโบกไว้ด้วยปูน แต่เวลานี้หลวงตาท่านกำลังกะเทาะปูนออก ให้คนทั้งหลายได้เห็นพระทองคำที่ซุกซ่อนอยู่ภายใน อันมีค่าเหลือประมาณไม่ได้ เมื่อใดที่คนเขาไม่รู้ว่าเป็นพระทองคำ พระนั้นก็เหมือนพระปูนธรรมดา แต่เมื่อใดที่คนทั้งหลายมาทราบว่า ภายนอกเป็นปูนแต่ภายในเต็มไปด้วยทองคำ ทองคำเช่นนั้นย่อมจะเป็นประโยชน์มหาศาล เป็นสมบัติอันล้ำค่า ตอนนี้หลวงตาท่านบอกว่า กำลังกะเทาะปูนออกให้คนดู หลวงปู่รู้บ้างหรือเปล่าที่หลวงตาท่านชื่นชม และหลวงปู่มีความคิดเห็นว่าอย่างไร?”
“ครูบาอาจารย์ท่านชมก็นับว่าเป็นสิริมงคลดี” หลวงปู่กล่าวขึ้นพร้อมๆ กับยกกระโถนขึ้นมาบ้วนน้ำลาย แล้วกล่าวต่อไปว่า “อย่าว่าแต่ชมเลย แม้ท่านติก็นับว่าเป็นสิริมงคลดี เพราะทั้งการชมการตำหนิ ล้วนเป็นไปด้วยเหตุผลอันประกอบด้วยธรรมทั้งนั้น”
คำพุดที่อาจารย์มหาบัวเรียกเราว่า “ผ้าขี้ริ้วห่อทอง” นั้น จริงๆแล้วท่านพระอาจารย์มั่นเป็นผู้ที่เรียกองค์แรก สงสัยท่านไปได้ยินท่านพระอาจารย์มั่นเรียกจึงเรียกตาม หรือบางทีท่านอาจจะเรียกขึ้นเองด้วยความเมตตา การพูดทั้งนี้ทั้งนั้นท่านอาจารย์มหาบัว ท่านไม่ได้มาพูดกับเรา แต่ท่านนำเรื่องของเราไปพูดถึง ตามปกติท่านก็เมตตาเรามากอยู่ พระลูกศิษย์ของท่านพระอาจารย์มั่นที่เป็นกัลยาณมิตรที่สนิทชิดเชื้อมากคือ พระอาจารย์ฝั้น, หลวงปู่ขาว, ท่านอาจารย์มหาบัว, หลวงปู่ชอบ, หลวงปู่หลุย ฯลฯ
ท่านอาจารย์มหา(บัว) ท่านชมว่าเหมือนผ้าขี้ริ้วห่อทอง ท่านพูดให้โยมฟัง ท่านไม่ได้พูดกับอาตมา แสดงว่าท่านต้องการสอนพวกโยมนั่นแหละ ชีวิตคนบนโลกนี้มันก็เป็นเหมือนผ้าขี้ริ้ว เป็นเหมือนถังขยะทั้งนั้นแหละโยม บรรจุเอาแต่สิ่งที่สกปรกโสโครก นินทา-สรรเสริญ สุข-ทุกข์ ทรัพย์-สมบัติ ลาภ-ยศ ตลอดจน เกียรติยศ-เกียรติภูมิ ที่พวกเราทั้งหลายแบกหามหวงแหนกันอยู่นี่ สิ่งเหล่านี้ภาษาธรรมท่านเรียกว่า “ผ้าขี้ริ้วหรือถังขยะ หรือก้อนเขฬะน้ำลายที่พระพุทธเจ้าทรงบ้วนทิ้ง” เอาสาระคุณกับมันมากนักไม่ได้ เพราะเป็นเพียงส่วนเกินหาใช่ส่วนจริงไม่ เพียงแต่เราพิจารณาเห็นตามความเป็นจริง ไม่ประมาท มีสติอยู่ทุกเมื่อ ย้อนพิจารณาเข้ามาในตนด้วยความเป็นธรรม เราก็จะทราบไม่หลงไม่เสียใจ เมื่อหันกลับมามองดูตัวและดูใจเราเองแล้ว ถ้าเราเกิดมาเป็นมนุษย์ไม่หลงตัวลืมตน ไม่เพลิดเพลินกับสิ่งชั่วเสียหาย หาอุบายพากันมาสร้างคุณงามความดี ปลีกตัวอย่ามั่วสุมจนหลงลืม พยายามสร้างความดีให้ความดีผุดโผล่ขึ้นมาในใจ เหมือนดอกบัวที่มันจมอยู่ในโคลนตม น้ำโคลนเหลวๆ ที่คนว่าสกปรกนั่นแหละเป็นปุ๋ยได้อย่างดี ทำให้ดอกบัวงดงาม กิ่งก้านใบชูชันขึ้นมาได้ ตรงกันข้ามถ้าน้ำนั้นสะอาดเหมือนน้ำดื่ม แม้โคลนตมก็ไม่มี ดอกบัวคงเกิดไม่ได้มีแต่ตายอย่างเดียว ธรรมชาติของชีวิตที่เวียนว่ายอยู่ในวัฏวนที่แท้จริงมันก็เป็นเช่นนั้น ถ้าเราฝ่าอันตรายคือ ความหมักหมมโง่หลง ก็จะเห็นความบริสุทธิ์สว่าง เพราะเบื้องต้นแห่งจิตชีวิตกรรมวิบากของแต่ละบุคคลมันเป็นเช่นนั้นนะ ชีวิตที่ดีเลิศประเสริฐศรีจนมองไม่เห็นความจริงแท้อะไรก็เช่นเดียวกัน มักเป็นผู้โง่เขลาในเรื่องชีวิต
พระพุทธองค์ก็เช่นเดียวกัน ถ้าพระองค์ไม่เห็นแก่นแท้ของชีวิตพระองค์ก็จะไม่ทรงตัดสินพระทัยอย่างมั่นแม่นเพื่อการบรรพชา แต่พระองค์ทรงพิจารณาเห็นความเกิด ความแก่ ความเจ็บ ความตาย มนุษย์ยังชื่นชมว่าดี ทั้งๆ ที่สิ่งเหล่านี้ไม่มีคุณค่าราคาอะไรเลย ความเกิด ความแก่ ความเจ็บ ความตาย มันเป็นเพียงของทิ้ง เป็นเพียงผ้าขี้ริ้วผืนหนึ่งที่ใช้แล้วจำต้องทิ้ง ใครที่ทะนุถนอมสิ่งของที่ต้องทิ้ง ต้องบูดเน่า คนนั้นก็นับได้ว่าเป็นคนบ้าและโคตรโง่เลยทีเดียว แต่ที่พระองค์จะมีจิตเบื่อหน่ายในสิ่งเหล่านี้ ก็เป็นเพราะพระบารมีญาณ ที่พระองค์สั่งสมมาหลายแสนชาติ มาเตือน ทำให้อินทรีย์แก่กล้า จึงทำให้พระองค์สละได้ง่าย การที่พระองค์สละทุกอย่าง มิใช่สละได้ในวันนั้นเพียงวันเดียว แต่พระองค์บำเพ็ญเพื่อสัมมาสัมโพธิญาณมาตั้งนานแล้ว
ชีวิตนี้เป็นประดุจผ้าขี้ริ้ว เป็นเหมือนถังขยะที่คอยเก็บอานิสงส์ของกรรมดีชั่ว แล้วก็ให้ผลแก่เราเป็นผู้เสวย ถ้าเรานำชีวิตที่เราพิจารณาเห็นด้วยปัญญาอันยิ่งเองแล้ว น้อมพิจารณาให้เกิดธรรมะขึ้นภายในใจ ธรรมที่เกิดขึ้นภายในใจนั่นแหละจะเป็นเหมือนผ้าขี้ริ้วห่อทองขึ้นมาทันที เพราะร่างกายของคนนี้ไม่มีค่า มันมีค่าอยู่ที่หัวใจที่มีธรรม รูปธรรมทุกๆ อย่างจึงเป็นผ้าขี้ริ้ว นามธรรมคือหัวใจ ที่ฝึกปฏิบัติ จนได้เห็นธรรมตามความสามารถ นั่นแหละเป็นทอง คือธรรมสมบัติอันล้นค่า ปรากฏเด่นขึ้นมาเป็นสักขีพยาน
แต่ถ้าพวกเราไม่สนใจในการฝึกจิตรักษาใจ สร้างคุณงามความดีแล้วละก็ คนประเภทนี้ก็อาจเรียกได้ว่า “ผ้าขี้ริ้วห่อก้อนขี้หมา” เพราะเกิดมาเป็นมนุษย์ไม่รู้จักคุณค่าของคนแล้วยังไม่พอ ยังกลับไม่รูจักค่าของคุณงามความดีด้วย คือการปฏิเสธความดี แต่จิตนี้มั่งมีไปด้วยความชั่วเสีย เกิดเป็นคนแต่ใจไพล่ไปในทางเปรตผี รูปร่างแบ่งแยกมนุษย์ให้รู้ว่าสวยขี้เหร่อย่างใด ใจก็แบ่งแยกมนุษย์เรื่องดี-ชั่ว สะอาด-สกปรก ได้อย่างนั้นเหมือนกัน
เกิดเป็นคนเหมือนกันแต่ใจมันไม่เหมือนกัน ใจนี่แหละทำให้คนต่างกัน ไม่ใช่ร่างกาย ทรัพย์สมบัติเงินทองของนอกกาย
พระพุทธเจ้าท่านก็เป็นมนุษย์เหมือนพวกเรา แต่พระทัยของพระองค์เป็นโลกวิทู รู้แจ้งโลก ที่ต่างจากมนุษย์ทั่วไปก็คือพระทัยของพระองค์ที่บริสุทธิ์นั่นแหละ พระอรหันต์ทั้งหลายก็เหมือนกัน ท่านก็เป็นคนเหมือนพวกเรา แต่ท่านไม่เหมือนพวกเราในเรื่องหัวใจที่ใสบริสุทธิ์ คือเป็นคนเหมือนกันแต่หัวใจมันต่างกัน ท่านผู้ประเสริฐมีพระพุทธเจ้าเป็นต้นเหล่านี้ ท่านเป็นผู้ฝึกตนมาดี เก็บเกี่ยวเอาทุกๆ เรื่องมาสอนตน ในที่สุดท่านก็กลายเป็นผู้ประเสริฐขึ้นมาได้ท่ามกลางโลกที่โสมม
เมื่อองค์หลวงปู่พูดจบลงท่านก็ยิ้มน้อยๆ ทำให้พวกเราอัศจรรย์ใจในวาทะวาทีขององค์ท่านที่คมคาย ทำให้นึกขึ้นมาได้ในใจว่า พระทองคำที่องค์หลวงตากำลังกะเทาะออกให้คนได้ดูชมนั้น ช่างเป็นความจริงเสียเหลือเกิน ทำให้อยากค้นหาในสิ่งที่มองไม่เห็นด้วยตาที่สถิตย์อยู่ภายในใจองค์ท่านเป็นอย่างยิ่ง เพราะองค์ท่านก็คือ เพชรน้ำหนึ่งของพระพุทธศาสนา ไม่ว่าจะอยู่ที่ใดประกายแสงสว่างย่อมปรากฏให้ผู้คนที่ต้องการทราบความจริงแห่งชีวิตได้พบเห็นและค้นคว้า
•หลวงปู่เจี๊ยะ จุนโท•
เพราะว่าบุญก็ดี บาปก็ดี หรือว่ากิเลสตัณหาก็ดี ทั้งหลายก็ดี
มันมีใจเป็นผู้ปรุงแต่งขึ้นนะ มันมีใจเป็นผู้ประกอบไว้
ใจน้อมไปทางไหน สิ่งนั้นก็ย่อมเกิดขึ้น
ใจน้อมไปในทางความรัก ความรักมันก็เกิดขึ้นในใจ เห็นรูปเสียงกลิ่นรสที่ตนพอใจ
ก็รู้สึกว่าดีอกดีใจ ชุ่มชื่นเลย ใจเบิกบาน เมื่อใจมันน้อมไปทางแห่งความรัก
ตรงกันข้าม เมื่อตาเห็นรูป หูฟังเสียงเป็นต้น อันเป็นสิ่งที่ไม่น่าพออกพอใจ ก็เกลียดชัง
ใจก็น้อมไปทางเกลียดชังเข้าไป ถ้าเป็นคนเป็นสัตว์ก็คิดอิจฉา คิดเบียดเบียน อยากจะให้มันล้มหายตายไปจากโลกนี้ซะ อย่าให้ได้พบได้เห็นมัน คนผู้นี้หรือว่าสัตว์ตัวเนี้ย
เราเกลียดชังมันเหลือเกิน
มันก็เกิดจากใจที่น้อมไปทางความเกลียดชังทั้งนั้นแหละ ลองพิจารณาดูให้ดี
ทุกสิ่งทุกอย่างมันขึ้นอยู่กับดวงใจเนี้ย
บัดนี้ใจที่ได้ฝึกฝนอบรม ได้ไหว้พระ นั่งสมาธิภาวนา ได้ฟังธรรม ได้เกิดความรู้ความฉลาดขึ้นอย่างเนี้ย
เมื่อมันเกิดความรู้ความฉลาดขึ้นแล้ว มันก็ไม่หวั่นไหว ไปตามสัมผัสดังกล่าวมานั้น ไม่หลงยินดีไปตามอารมณ์ที่น่าพอใจ
ไม่หลงยินร้ายไปในอารมณ์ที่น่าเกลียดน่าชัง โดยเจริญปัญญาวิปัสสนาต่อนี่นะ
สาเหตุที่มันจะละความยินดียินร้ายได้นะ
โดยกำหนดเพ่งพิจารณา สภาวะสิ่งทั้งปวง มีรูปเป็นต้นดังกล่าวนั้นแหละ
ให้เห็นเป็นอนิจจัง ทุกขัง อนัตตาลงไป
เมื่อมันเห็นความเกิดความแปรปรวนความแตกดับ
แห่งรูปเสียง กลิ่นรส หมู่นั้น มันก็ไม่หลงแล้ว
มันก็ไม่หลงยินดียินร้ายไปตามแล้ว
เพราะว่าสิ่งเหล่านั้นไม่มีตัวตนอะไรที่จะมาให้ยินดียินร้าย
ในความเห็นภายในจิตใจนู้นน่ะ ไม่มี
เพราะถ้าว่าเกิดขึ้นมีขึ้นนะ พระพุทธเจ้าทรงสอนให้พิจารณาให้เห็นว่า
เป็นแต่สักแต่ว่าสังขารเท่านั้นเองแหละ
ถ้าโดยปรมัตถธรรมแล้วนะ ไม่ใช่สัตว์ ไม่ใช่บุคคล ตัวตนเราเขาอะไรเลย
เป็นแต่ว่าสังขาร คือสภาพที่ถูกปรุงแต่งให้เกิดขึ้นเป็นขึ้นเท่านั้นแหละ
แต่แล้วโลกอันนี้น่ะมันน่ะเป็นอยู่อย่างนี้ เมื่อมันเกิดมีคนมีสัตว์ขึ้นมาแล้ว
มันก็มีสมมติมีบัญญัติขึ้นมาพร้อม เพื่อการสังคม ติดต่อ ทำมาหาเลี้ยงชีพร่วมกัน
ถ้าหากว่าไม่มีสมมติบัญญัติขึ้นมาอย่างนั้น
มันก็ไม่รู้ว่าจะติดต่อกันอย่างไรได้ อันนี้มันก็เป็นกฎธรรมดาของโลกตั้งแต่ไหนแต่ไรมา
สำหรับผู้ที่ยังท่องเที่ยวเกิดแก่เจ็บตายอยู่ในโลกนี้
แต่ข้อสำคัญอยู่ที่ว่า ผู้นั้นน่ะจะติดอยู่ในสมมตินั้นหรือไม่ติด มันสำคัญอยู่ตรงนี้
ถ้ามีปัญญาเกิดขึ้นดังกล่าวมาแล้วนั้น มันก็ไม่ติดอยู่ในสมมติบัญญัติเหล่านั้น
ก็พิจารณาเห็นว่า มันเป็นเพียงแค่สมมติเอาเท่านั้นเอง
สมมติเอาธาตุดิน ธาตุน้ำ ธาตุไฟ ธาตุลม ซึ่งบุญบาปตกแต่งขึ้นมาให้เป็นรูปเป็นร่าง
ขึ้นมาแล้ว ก็ว่าสักว่าคนว่าหญิงว่าชาย ว่าอะไรต่ออะไรไปตามสมมติที่ตั้งกันขึ้นมา
นี่ผู้ภาวนาผู้ปฏิบัติธรรมอบรบปัญญาให้เกิดแล้ว มันก็ต้องพิจารณารูปแจ้งตามความเป็นจริงในรูปเป็นต้น ดังกล่าวมานั่นน่ะ
•หลวงปู่เหรียญ วรลาโภ•
ขอเชิญร่วมบุญ"จัดสร้างพิมพ์ขึ้นอีกครั้งกับ โครงการ 39 "
มีตำรวจตระเวนชายแดน ในจังหวัดราชบุรี มาขอพระพุทธรูปไปถวายในช่วงสงกรานต์ 12 องค์ ในรูปลักษณ์ของพระพุทธบารมีเสริมทรัพย์ทันใจ ขนาดหน้าตัก 39 นิ้ว ที่มีแบบอยู่แล้วไม่ต้องปั้น เพียงสร้างพิมพ์ขึ้นมาใหม่ งบประมาณ 35,000 บาท
https://www.facebook.com/permalink.php? ... 0014244558ขอเชิญเป็นเจ้าภาพสร้างสมเด็จองค์ปฐม
0806126529
พระครูบุญเขตวิชัย วัดปานจัยนาราม บ้านหนองหมี ต.โคกว่าน อ.ละหานทราย จ.บุรีรัมย์ จากรายการธรรมสุขใจใฝ่ธรรม แจ้งข่าวรายการงานบุญดังนี้
ด้วยจะมีการจัดงานเทศน์มหาชาติ ณ วัดปานจัยนาราม ในวันอาทิตย์ที่ 24 มกราคม 2558
1. เจ้าภาพถวายภัตตาหารให้พระสงฆ์ ที่มาร่วมงานกว่า 500 รูป ต้องจัดภัตตาหาร 108 โต๊ะ โต๊ะละ 1,000 บาท
2. เจ้าภาพกัณฑ์เทศน์ กัณฑ์ละ 5,000 บาท หรือร่วมบุญสามัคคี ทุนละ 1,000 บาท
ร่วมเป็นเจ้าภาพงานบุญกับ พระครูบุญเขตวิชัย
โทร 089-945-9255, 081-726-3775
ขอความอนุเคราะห์จากท่านผู้ใจบุญได้ร่วมบริจาคเพื่อชื้อรถเข็นถวายหลวงปุ่รวย วัดสุมังคลาราม เนื่องจากหลวงปู่ท่านอาพาธไม่สดวกในการเดินบิณฑบาตจึงขอบอกบุญมายังท่านทั้งหลายติดต่อร่วมบุญได้ที่ 0837470872 ตำบลสามแยก อำเภอเลิงนกทา จังหวัดยโสธร
https://www.facebook.com/permalink.php? ... 4073717133สร้างห้องน้ำ20ห้อง (ปิดรับ30ม.ค.59) ร่วม"ตามกำลังศรัทธา" เพื่อสร้างห้องน้ำ จำนวน 20 ห้อง (ชาย10ห้อง,หญิง10ห้อง)
https://www.facebook.com/photo.php?fbid ... 785&type=3ขอเชิญท่านทานบดีผู้มีพระรัตนตรัยเป็นสรณะ ร่วมบุญหล่อพระเศียร, พระเกศเพลิง และพระศก ของสมเด็จองค์ปฐม ต้นพระพุทธวงศ์ หน้าตัก ๖ เมตร พระประธานของพระมหาวิหารของสำนักสงฆ์เจโตวิมุตติ
ในวันอาทิตย์ ที่ ๓๑ มกราคม ๒๕๕๙ ณ สำนักสงฆ์เจโตวิมุตติ (วัดป่าเขาดิน) กาญจนบุรี
https://www.facebook.com/Jetovimut/phot ... 83/?type=3ขอเชิญร่วมบุญกับโรงเรียนและเด็กนักเรียน
https://www.facebook.com/toon.avancer/p ... 0938430253ขอความเมตตาให้วัวชุดนี้ด้วย
จากกรณีที่รถขนวัวชนรถไฟ ที่เพชรบุรี
ตอนนี้วัวมี17 ตัว ราคาไถ่750,000บาท
กับเวลาเพียง7วัน กำหนดเวลาถึงวันที่17มค นี้
ทุกตัวจะรอดได้ ถ้าได้รับความเมตตาจากท่านๆ
เมตตาเขาด้วยเถิด
https://www.facebook.com/wen.animalrele ... 5860914443