ต้นไม้ทุกต้นเปรียบเหมือนมนุษย์ ก้อนหินทุกก้อนเปรียบเหมือนมนุษย์ สัตว์ทุกสัตว์ในป่าในทุ่งก็ดี มันก็เหมือนกับเราไม่แปลกกับเรา มีสภาวะอันนี้อันเดียวกัน มีความเกิดขึ้นเป็นเบื้องต้น แล้วก็มีความแปรในท่ามกลาง แล้วก็มีความดับไปในที่สุด เหมือนกันทั้งนั้น ฉะนั้นเราไม่ควรยึดมั่น หรือถือมั่นอะไรทั้งหลาย
หลวงปู่ชา สุภัทโท
ที่สุดของน้ำร้อนอยู่ที่ไหน? คำถามประโยคนี้ คุณไม่ต้องตอบ แต่ให้คุณนำไปคิดด้วยปัญญา คือ การภาวนา มันเป็นคำสอนสุดท้าย ในคำสอนของอาตมา
หลวงปู่ชา สุภทฺโท วัดหนองป่าพง อ.วารินชำราบ จ.อุบลราชธานี
" พวกเราทั้งหลายที่พระพุทธองค์ทรงสอนเอาไว้ ในวันนี้ก็จะ..!! เหมือนกับเปรียบเทียบให้ฟังว่า.. ในพระสูตรที่พระพุทธองค์ ทรงตรัสเทศนาสั่งสอน เรื่องนานาต่าง ๆ เรื่องกรรมต่าง ๆ ของสัตว์โลกทัั้งหลาย ที่พากันเวียนว่ายตายเกิดอยู่ในวัฎฎะสงสารนั้นอยู่
การเวียนว่ายตายเกิดอยู่ในวัฎฎะสงสารนั้นมีสิ้นสุดลงได้นั้น ที่..เราปฎิบัติกันไม่พ้นจากวัฎฎะสงสาร คือ..ไม่พ้นจากอบายภูมิ
คำว่า..อบายภูมินั้นคืออะไร ? คือเปรตอสูรกายสัตว์เดรัจฉาน ในนรก ที่หมกไหม้ ทำให้ ..สัตว์ทั้งหลายได้รับทุกข์ทรมาน อันนี้..องค์สมเด็จพระศาสดาจารย์สัมมาสัมพุทธเจ้าของพวกเรานั้น ตรัสเทศนาแนะนำสั่งสอนเอาไว้ในพระสูตรต่าง ๆ เพื่อให้เป็นเครื่ิองสติว่า..คนเรานี้ที่เกิดขึ้นมาแล้ว มาด้วยอำนาจของกรรมและก็มาใช้กรรม..รับกรรมที่ตนเองกระทำเอาไว้ ทุกคนก็ต้องเป็นอย่างนั้นที่เราเกิดขึ้นมา แต่ว่า..ทำไมองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าจึงตรัสสอนเอาไว้ในเรื่องบาปบุญคุณโทษ ประโยชน์และไม่ใช่ประโยชน์จึงเรียกว่า..อบายภูมิ
คำว่าอบายแปลว่า..ไม่สบาย เป็นภูมิที่อยู่ไม่สบาย ภูมิที่มีความทุกข์ คำว่าเปรต และกายและ สัตว์เดรัจฉานก็ดี.. นรก ทั้ง ๔ อย่างนี้้เปรียบเทียบ เหมือนกับตกอยู่ในหลุมถ่านเพลิง อยู่ในกองทุกข์ที่ทำให้ สัตว์นั้นเวียนว่ายวนอยู่ในวัฎฎะสงสาร พวกเรานั้นยังไม่มี สติปัญญาสามารถทบทวนกระแสคืนย้อนหลังตั้งแต่ตนเองเกิดตนเองเกิดมาไม่รู้กี่ภพกี่ชาติ มาเวียนว่ายตายเกิดอยู่ในวัฎฎะ สงสารอันนี้
แต่ก็มีจิตใจดวงเดียวเท่านั้น ที่เวียนว่ายตายเกิดอยู่ มารับกับภพภูมิต่าง ๆ อยู่นั้น เมื่อพวกเรานั้นยังไม่รู้ไม่เข้าใจ ก็ดี เราควรที่จะพากันพินิจพิจารณาเพื่อให้รู้พอสังเขป เรื่องราวต่าง ๆ นั้น กรรมที่บุคคลที่ทำบาปความชั่วทั้งหลาย
คำว่าเปรตนั้นคืออะไร !! จึงได้ไปเป็นเปรต คนเราเกิดมา จนมาเป็นมนุษย์แล้วทำไมจึงได้เป็นเปรตได้ เกิดมา เพราะอะรัย เปรตนั้น เป็นไปเพราะด้วยอำนาจของการ ทำบาปอะไรพวกเราก็จะได้พากันศึกษา คำว่าเปรตนั้นก็คือ ความหิวความไม่พอ ความไม่มีทางอิ่ม เพราะหิวโหยอยู่ตลอด จึงเรียกว่าเปรต คำว่าเปรตเปรตนั้นมีหลายสิ่งหลายอย่าง ที่มันจะแสดงเป็นเรื่องของเปรตนั้นแต่ละระดับ..เพิ่นว่า
เปรตมีตั้งหลายจำพวก เปรตกินเลือดกินเนื้อของตนเองก็มี เปรตกินมูตรกินคูตก็มี กัดตนเองกินก็มี เปรตทั้งหลาย เปรตหิวน้ำก็มี เปรตหิวข้าวหิวอาหารก็มี เปรตเฝ้าสิ่งเฝ้าของ ทั้งหลายยึดมั่นถือมั่นก็มี มีหลายชนิดจนถึงกล่าวไว้ตั้ง 12 จำพวกเปรต ให้พวกเราพิจารณาอย่างง่าย ๆ มาดูว่า.. ก็ไม่ใช่ของง่ายล่ะควรที่จะกำหนดจิตพินิจพิจารณาตามว่า เราทำบาปความชั่วอะไรจึงได้ไปเป็นเปรต..ทั้งหลาย นั้นเปรียบที่บุคคลบางบุคคลเคยเป็นมนุษย์มาแล้ว แต่เข้าไปขโมยสิ่งของอยู่ในวัดในวา เหมือนเขาขโมย กันอยู่ทุกวันนี้แหล่ะ เขาไม่รู้ขโมยอาหารการกินก็ดี ขโมยสิ่งของต่าง ๆ ของในวัดในวา จนเขาขโมยพุทธรูป หรือทรัพย์สมบัติของสงฆ์อยู่ภายในวัด เอาไปซื้อไปขายกัน เขาเป็นกันอยู่ เปรตจำพวกนี้เมื่อตายไปแล้วไปตกนรก
คำว่าตกนรกนั้นก็คือ..อาจจะมาได้ง่าย ๆ มาเกิดเป็นเปรต การมาเกิดเป็นเปรตที่จะมา ใช้กรรมนั้นก็คือว่า..แล้วแต่จะตกมา เป็นสัตว์เดรัจฉานก็ได้ เหมือนคนที่ลักขโมยเอาสิ่งของ อาหารการกินของวัดไป ที่ญาติโยมซื๊อมาไว้ว่าจะถวายพระสงฆ์ ยังไม่ได้ถวายพระสงฆ์ แต่พวกนั้นมาขโมยเอาไป เมื่อล่วงลับดับไปแล้ว ก็ไปตกนรก กลับมาเป็นสัตว์เดรัจฉาน ก็มาเฝ้าอยู่ในวัดนี่ก็ได้ มันเป็นอย่างนี้..
พระอาจารย์เปลี่ยน ปัญญาปทีโป วัดอรัญญวิเวก อ.แม่แตง จ.เชียงใหม่
|