Switch to full style
พระพุทธพจน์ - พุทธภาษิต พระธรรมเทศนา และ ธรรมะจากครูบาอาจารย์ผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ
ตอบกระทู้

มารคือไม่มีสติ

อังคาร 07 มิ.ย. 2016 5:15 am

" มาร คือ ไม่มีสติ "

อย่าให้จิตไปจดจ่ออย่างนั้น ให้มาอยู่กับผู้รู้
ให้น้อมเอา พระพุทธเจ้า พระธรรม พระ
สงฆ์ เป็นอารมณ์ จะอยู่ในอิริยาบถใด ก็ให้
มีความเพียร ผู้ที่ภาวนาจิตสงบลงชั่วช้าง
พับหู งูแลบลิ้น ชั่วไก่กินน้ำ นี่ อานิสงส์
อักโข ให้ตั้งใจทำไป

การที่จิตรวมลงไปบางครั้ง มี 3 ขั้นสมาธิ
คือ ขณิกสมาธิ อุปจารสมาธิ อัปปนาสมาธิ

หากรวมลง ขณิกสมาธิ เราบริกรรมไป
พุทโธ หรืออะไรก็ตาม จิตสงบไปสบายไป
สักหน่อย มันก็ถอนขี้นมา ก็คิดไปอารมณ์
เก่าของมันนี่

ส่วนหากรวมลงไปเป็น อุปจารสมาธิ ก็นาน
หน่อยกว่าจะถอนขึ้นไปสู่อารมณ์อีกให้
ภาวนาไป อย่าหยุดอย่าหย่อน ค่อยเป็น
ค่อยไป ไม่ต้องไปนึกคาดหวังอะไร

อย่าให้มีความอยาก เพราะมันเป็นตัณหา
ตัวขวางกั้นไม่ให้จิตรวม ไม่ต้องไปกำกับว่า
อยากให้เป็นอย่างนั้นอย่างนี้ การอยากให้
จิตรวมลง เหล่านี้แหละ เป็นนิวรณ์ตัวร้าย
ให้ปฏิบัติความเพียรไม่หยุดหย่อน เอาเนื้อ
และเลือด ตลอดจนชีวิตถวายบูชา
พระพุทธเจ้า พระธรรม และ พระสงฆ์ เรา
จะเอาชีวิตจิตใจ ถวายบูชาพระรัตนตรัย
ตลอดจนวันตาย

นี่ก็เป็นมัชฌิมาปฏิปทา แล้วจิตจะรวมลง
อย่างไร เมื่อไร ก็จะเป็นไปเองเมื่อใจเป็น
กลาง ปล่อยวาง สงบถูกส่วน

หลวงปู่ขาว อนาลาโย







ใครจะเก่งถึงขนาดกำหนดรู้วาระจิตของ
คนอื่นได้ หรือรู้เห็นสิ่งที่ตามนุษย์ธรรมดา
ไม่เห็น ไม่ใช่เรื่องอัศจรรย์ มันอัศจรรย์อยู่
ตรงที่ว่า :

" ผู้ที่มีสติกำหนดรู้จิตของตนเอง

อยู่ทุกขณะจิตได้

นี่ ! ความมหัศจรรย์มันอยู่ที่ตรงนี้ "

หลวงพ่อพุธ ฐานิโย







" คนเราที่เกิดมานี้ มีหน้าที่สำคัญอย่างยิ่งที่
พึงกระทำ คือ การทำตนให้พ้นทุกข์ ถ้าไม่
ทำก็เท่ากับว่า ไร้ประโยชน์ในการเกิดมา
เพราะจะต้องเกิดซ้ำแล้วซ้ำเล่าอยู่นั่นเอง "

เจ้าคุณนรรัตนราชมานิตย์
วัดเทพศิรินทร์ กรุงเทพฯ






ความคิดมันเกิดขึ้น ความคิดมันดับไป
เราไม่ต้องไปพูด ความจริงมันเป็นอย่างนั้น
คนเกิด ไม่ต้องพูดว่าคนเกิด มันก็เกิดได้
คนแก่ไม่ต้องพูดว่าคนแก่ มันก็แก่ได้
คนตายไม่ต้องพูดว่าตาย มันก็ตายกันทั้งโลก
ของจริงจะพูดหรือไม่พูด ของจริงมันก็เป็นไปอย่างนั้น
ทำไม? มันเกิดอยู่ไม่หยุด ๆ ๆ

"มันเกิด" มาจาก "จิตอันเดียว" นี้
มันมาตั้งแต่เกิด มันก็ยังไม่หมดเป็น
ดูลงไปที่จิต เพ่งเข้าไปที่จิต ๆ ๆ เพราะมันเกิดจากที่นี่ทั้งนั้น
"ตัวหลง" ก็ "จิต" ตัวนี้ "หลง" ทำไม จิตจึงหลง ?
เพราะ "จิต" ไม่เห็น "ตัวจิต"
"ความโลภ ความโกรธ ความหลง" มันเกิดจาก "จิต" ตัวนี้
ถ้าจิตมันเห็นจิตชัดแล้ว
ความโลภ ความโกรธ ความหลง จะไม่มีในจิต
เพราะ ธรรมชาติจริงๆ จะไม่มีความโลภ ความโกรธ ความหลง
แต่เราไม่เห็นจิตของเราชัด

หลวงปู่แบน ธนากโร







"ใจ" ที่ขาดการ สำรวม นี่แหละเป็น ข้าศึก แก่เรา
ดินฟ้าอากาศไม่เป็นข้าศึกแก่ใจ
เมื่อ "ใจ" ของเราได้รับการ "สำรวม" ดีแล้ว
"ศีล" จึงไม่ต้องไปแสวงหา
"สมาธิ" ก็ไม่ต้องไปแสวงหา
"ปัญญา"ก็ไม่ใช่ว่าจะต้องไปแสวงหา เพราะ "เกิด" ขึ้นที่ "ใจ"

เมื่อ ""ธรรม" ปรากฏขึ้นที่ "ใจ" "กิเลส" จะ "สลายตัว" ในขณะนั้น
เมื่อใจเราเป็นธรรมขึ้นทั้งดวง เป็นธรรมขึ้นทั้งใจ
กิเลสตัณหาที่ซ่อนเร้นอยู่ในใจอยู่ไม่ได้

"จิตว่าง" จาก "อารมณ์" นั้นละ ทำให้เกิดความสว่างไสว
องค์ "ปัญญา" ก็เกิดขึ้น

ในเมื่อองค์ "ปัญญา" เกิดขึ้นแล้ว
"ความมืดหรือกิเลสตัณหา" ยากที่จะซ่อนเร้นอยูในจิตที่สว่างไสวสมบูรณ์เป็นธรรมขึ้นทั้งใจ

การ "ปฏิบัติธรรม" ก็คือการ "ปฏิบัติจิต" นี่เอง
"ใจ" ไปกระทบกับ "สัจจธรรม"
ไปกระทบกับ "กองมูตรกองคูต"
ไปกระทบกับ "กองเกิดกองตาย"
เมื่อ "ใจ" ไปกระทบกับ "ธรรมะ" มีแต่จะทำให้เย็นๆๆ
มีความร่มเย็นเป็นสุขอย่างเดียวเท่านั้น

หลวงปู่ แบน ธนากโร.




"ฟังใจของเราตอบ"

ตั้งปัญหาถาม แล้วฟังใจของเราตอบ
ไม่มีใครมาตอบมีแต่ใจของเราเท่านั้นจะตอบ ใจของเราตอบ
ต้องเอาใจที่เป็น ธรรมชาติของจริง
ถ้าหากว่าเราด้นเดาไปคิด อันนั้นจะเป็นการคิดตอบ

หลวงปู่แบน ธนากโร
ตอบกระทู้