นวรัตน์ดอทคอม

รวบรวมสาระความรู้เกี่ยวกับวัตถุมงคล-เครื่องรางของขลัง

  • Increase font size
  • Default font size
  • Decrease font size
วันเวลาปัจจุบัน พฤหัสฯ. 16 ม.ค. 2025 4:38 pm

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




โพสต์กระทู้ใหม่ กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 
เจ้าของ ข้อความ
 หัวข้อกระทู้: ธรรมทาน
โพสต์โพสต์แล้ว: จันทร์ 04 ก.ค. 2016 3:57 am 
ออฟไลน์

ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ 07 มิ.ย. 2009 7:24 pm
โพสต์: 4804
ธรรมทานคือการให้ธรรมะ‬

เพราะเหตุใด ธรรมทาน จึงมีอานิสงส์มากมายเหนือทานอื่น

ท่านพุทธทาสภิกขุ ครูบาอาจารย์ของแผ่นดินธรรม
กล่าวถึงการสร้างบุญด้วยธรรมทานว่า

"ธรรมทานนั้นมีผลมากกว่าทานอื่นๆ จริงๆ แล้ววัตถุทานก็ช่วยกัน แต่เป็นการเอาชีวิตให้อยู่รอด

แต่มันยังไม่ดับทุกข์ คือมีชีวิตอยู่รอดแต่เป็นทุกข์อยู่

เป็นทุกข์น่ะ มันจะดีอะไร?

เขาให้มีชีวิตอยู่แต่เขาได้รับทุกข์ทรมานอยู่นี้มันดีอะไร

เมื่อรอดชีวิตแล้วมันจะต้องไม่มีทุกข์ด้วย จึงจะนับว่าดี มีประโยชน์ ข้อนี้จึงสำคัญด้วย

ธรรมทานนั้นทำให้มีความรู้ธรรมะแล้ว รู้จักแล้วทำให้ไม่มีทุกข์ รู้จักป้องกันไม่ให้เกิดความทุกข์

รู้จักหยุดความทุกข์ที่กำลังเกิดอยู่ ธรรมทานจึงมีผลมากในลักษณะนี้ มันช่วยให้ชีวิตไม่เป็นหมัน

วัตถุทาน และอภัยทานช่วยให้รอดชีวิตอยู่ บางทีก็เฉยๆ มันสักว่ารอดชีวิตอยู่เฉยๆ

แต่ถ้ามีธรรมทานเข้ามา ก็จะสามารถช่วยให้มีผลดีถึงที่สุดเท่าที่มนุษย์จะได้รับ

เพราะฉะนั้นขอให้สนใจเรื่องธรรมทาน

การให้ธรรมทานทำให้เรามีจิตใจอยู่เหนือกิเลส
ไม่ประกอบด้วยกิเลส ดังนั้นจึงเห็นได้ว่าเป็นของเหนือกว่า

เพราะฉะนั้นขอให้ทุกคนพยายามให้ธรรมทาน คือ ทำให้บุคคลอื่นมีธรรมะ"

ท่านพุทธทาสภิกขุ







ชีวิตนี้แม้น้อยนัก
แต่ก็เป็นความสำคัญนัก
สำคัญยิ่งกว่าชีวิตในอดีต
และชีวิตในอนาคต

ที่ชีวิตนี้สำคัญ ..ก็เพราะในชีวิตนี้
เราสามารถหนีกรรมไม่ดี
ที่ทำไว้ในอดีตได้ และสามารถเตรียมสร้างชีวิตในอนาคตให้ดีเลิศเพียงใดก็ได้ หรือตกต่ำเพียงใดก็ได้

ชีวิตในอดีตล่วงเลยแล้ว ทำอะไรอีกไม่ได้ต่อไปแล้ว
ชีวิตในอนาคตก็ยังไม่ถึง ยังทำอะไรไม่ได้
เช่นนี้จึงกล่าวได้ว่า ชีวิตนี้สำคัญนัก
พึงใช้ชีวิตนี้ ให้เป็นประโยชน์
ให้สมกับความสำคัญ ของชีวิตนี้..

สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช
สกลมหาสังฆปริณายก




มหาวิทยาลัย‬ "ป่า"

พระพุทธองค์ตรัสรู้ในป่า พระสงฆ์สาวกก็อยู่ป่าอยู่ดง เงื้อมผา ป่ารกชัฎ ในสมัยปัจจุบันก็มีหลวงปู่มั่น พาลูกศิษย์ลูกหาบำเพ็ญในป่า ในถ้ำ ในเหว สัญจรจาริกไปสู่ที่ต่างๆ เป็นการหล่อหลอมจิตที่พยศให้สงบรวมตัวลงได้ กว่าทีจะพบหลักธรรมชาติ ตามคำสอนของพระพุทธเจ้า ต้องออกฝึกออกหัด เกิดมาหาอยู่หากินแล้วตายไปเฉยๆ มันไม่มีอะไรเลยนะ มีแต่สิ่งหล่อลวงเท่านั้น แม้จะรวยจน ขอทาน เศรษฐี พระราชา ก็อันเดียวกัน ไม่มีอะไรที่จะยับยั้ง ความเกิด แก่ เจ็บ ตาย ความโศกเศร้าโศกา ปริเทวนาได้ นอกเสียจากคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ที่ได้ประพฤติปฏิบัติแล้ว ถ้าเพียงแต่ศึกษาเฉยๆ ยับยั้งมันไม่ได้ ไม่เข้าถึงใจ ต้องได้ประพฤติปฏิบัติให้เต็มที่เต็มกำลัง มันถึงจะยับยั้ง และบรรเทาทุกข์ไปเรื่อยๆ จนทุกข์นั้นหมดไปในที่สุด ได้รับความเจริญ ถ้าไม่ได้มาก็หมดโอกาส เวลาในโลกมนุษย์มันน้อยนิดเดียว

พระพุทธองค์ทรงตรัสไว้ว่า

“มันเท่ากับน้ำค้างบนยอดหญ้า แสงอาทิตย์ส่องมา ก็เหือดแห้งหายไป” หรือคล้าย “คลื่นน้ำของมหาสมุทร ซัดเป็นระลอกแล้วระลอกเล่า แตกดับไป”

นั้นแหละชีวิตของมนุษย์เป็นอย่างนั้น ความตายนั้นเข้าใกล้มา เวลาที่เราจะบำเพ็ญจึงเหลือน้อยลง น้อยลง แต่เมื่อเป็นไปแล้ว แม้ตายไปยังไม่ถึง มาเกิดใหม่ก็ไม่นานนะ พิณจารณาต่อได้

ธรรมเทศนา : พระอาจารย์สุบรรณ์ สิริธโร
วัดถ้ำผาเกิ้ง อ.เวียงเก่า จ.ขอนแก่น


ข้างบน
 ข้อมูลส่วนตัว  
 
แสดงโพสจาก:  เรียงตาม  
โพสต์กระทู้ใหม่ กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิกใหม่ และ บุคคลทั่วไป 66 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ไปที่:  
cron
ขับเคลื่อนโดย phpBB® Forum Software © phpBB Group
Thai language by phpBBThailand.com
phpBB SEO