Switch to full style
พระพุทธพจน์ - พุทธภาษิต พระธรรมเทศนา และ ธรรมะจากครูบาอาจารย์ผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ
ตอบกระทู้

แรงกรรม

พฤหัสฯ. 07 ก.ค. 2016 5:45 am

"แรงกรรมอุจจาระราดทางหลวงปู่มั่น"

... มีเรื่องหนึ่งที่องค์หลวงตาเล่าไว้แต่ไม่ได้บอกว่าเกิดขึ้นที่หมู่บ้านใด

เรื่องเกิดขึ้นในตอนเช้าขณะที่หลวงปู่มั่นเดินบิณฑบาตผ่านทุ่งนาของเขา แต่เจ้าของไม่ต้องการให้ท่านเหยียบผ่านคันนาของเขาไป ดังนี้

..เขาว่าทำคันนาเขาเสียหาย เขาก็เอาขี้ไปราดตามคันนาไว้ ไม่ให้ท่านเดินผ่านมาบิณฑบาตที่นั่น เขาโกรธเคียดให้ท่าน สำหรับท่านเฉยอยู่ ท่านไม่สนใจละ แล้วสุดท้ายในที่สุดคนพวกนั้นเลยกลายเป็นคนบ้ากันทั้งครอบครัว

... มันช่างเป็นไปต่างๆนานา ไม่เป็นบ้าก็เป็นใบ้ ที่เป็นหมดทั้งครอบครัวเพราะพวกนี้ก็พลอยยินดีในเรื่องนี้ไปด้วย แต่คนที่ลงมือเป็นพ่อ ... พอท่านออกมาบิณฑบาตท่านจึงเหยียบขี้ที่เขาเทลาดไว้เปอะเปื้อนเท้าไปหมด

เมื่อเป็นดังนั้น พวกที่อยู่ในครอบครัวเดียวกันคงจะพลอยดีใจพลอยยินดีไปด้วย คือสมรู้ร่วมคิดเป็นใจ แล้วกรรมส่งผลให้เป็นบ้า

...ผู้เฒ่าหัวหน้าครอบครัวก็เป็นบ้า แล้วลูกเต้าเกิดมาเป็นบ้าก็มี เป็นใบ้ก็มี คนดีๆหาไม่ค่อยมีในบ้านนั้น เป็นกันอยู่อย่างนั้น จนชาวบ้านเขาลือกันว่าเป็นเพราะทำกับท่าน

... ตั้งแต่นั้นมาไม่มีจะกิน ยากจน คนเขาชี้หน้าด่าทอกันหมดทั้งหมู่บ้าน เพราะใครๆเขาก็รู้กันทั้งหมู่บ้านว่าทำกรรมอันน่าทุเรศกับท่านอย่างนั้น

... เวลากรรมบันดาลมันให้ผล มันเป็นให้โลกเขาเห็นทั้งบ้านทั้งเมือง เหมือนกันนี้แหละที่เรียกว่า..กรรมตามทัน..

อ้างอิง : หนังสือ ญาณสัมปันนธัมมานุสรณ์




เพียงแต่เข้าวัด วัดนั้นก็ไป วัดนี้ก็ไป ครูอาจารย์นั้นก็เคยสดับรับฟัง อาจารย์นี้ก็เคยได้ยินได้ฟังมาแล้ว แต่กิเลสตัณหามันยังคงเส้นคงวา หรือมันหลุดหล่นออกไป ไม่ได้ตรวจตราพิจารณาอย่างไร สักแต่ว่าไป สักแต่ว่าเห็น สักแต่ว่าได้ยิน ไม่เคยนำไปกำหนดพินิจพิจารณา ไม่เคยศึกษาเรื่องใจของตัว ไปรอบโลกมันก็ไม่เกิดสารประโยชน์อะไรให้ ถ้าไปด้วยความสังเกต พินิจพิจารณา ไปสถานที่ใดก็ตั้งใจกำหนดรักษาศีลธรรมของตัว เราจะทราบว่าไปที่นั้นได้สติปัญญาขึ้นอย่างนั้น ได้ละกิเลสตัวนั้น ๆ ไปสถานที่นั้นกิเลสตัวนั้นมันเกิดขึ้น ข่มขู่จิตใจของเรา ทั้ง ๆ ที่ตั้งหน้าตั้งตาพิจารณาอยู่ มันก็ไม่สงบให้ มันก็จะทราบในจิตในใจของตัว นี่คือไม่ทำความพากเพียรดูแลรักษาจิตใจ ถ้าหากใจไม่มีสติ ไปตามกิเลสตัณหา ไปตามสัญญาอารมณ์แล้ว ไปที่ไหนก็ไปเถอะ ไม่มีวันดี ไม่มีวันวิเศษ ให้กิเลสตัวเก่าหลอกลวงอยู่เรื่อยไป ไม่มีอะไรที่จะเกิดมรรคผลแก่ตนของตนได้
.
หลวงปู่สิงห์ทอง ธัมมวโร




..."อนิจจัง".....
ทุกสิ่งทุกอย่างในโลกนี้ ไม่สามารถจะอยู่ยง
คงทนต่อไปได้ ย่อมดับ ย่อมสลายไปตามกาล
พระพุทธองค์ตรัสว่า ไม่เที่ยงแท้แน่นอนไปได้
....."ทุกขัง".....
เมื่อมีสิ่งที่เกิดขึ้นมา ในโลก แล้วเข้าไป
ยึดถือว่าเป็นตัวตน ของเรา ของเขา
ยามจากไป ยามดับไป สลายสิ้น สิ่งที่รัก
ที่พอใจนั่นแหละ พระพุทธองค์ตรัสว่า
เป็นทุกข์อย่างยิ่ง
....."อนัตตา".....
ความจริงในโลกนี้ มันเกิดขึ้นโดยธรรมชาติ
ของมันเอง ไม่มีใคร ไปต่อเสริมเติมแต่งได้
ถึงอย่างไรก็ยังเป็น ธรรมชาติ
แม้ร่างกายเรานี้ จะยึดตัวตน ว่า เป็น
ของเราของเขาไม่ได้ เพราะเขาเป็นเพียง
ธาตุๆ หนึ่งที่ประชุม กันเข้าเท่านั้น
(โอวาทธรรม พระอาจารย์กงมา จิรปุญโญ)
ตอบกระทู้