แม้จะได้มาอยู่บนหนทางของการปฏิบัติธรรมะ
เป็นธรรมดาอยู่เองที่ต้องเจอะเจอหลุมบ่อและเส้นทางขรุขระบ้าง
แต่อุปสรรคใด ๆ ก็ไม่ร้ายเท่ากับใจเจ้าของที่บั่นทอนกำลังใจตนเอง
...ทำไมฉันไม่ "เห็น" เหมือนคนอื่นเขานะ
...ทำไมฉันยังฟุ้งอยู่นะ
...ทำไมฉันก็ยังมีอารมณ์อิจฉาริษยาออกมาให้เห็นบ่อยครั้งนะ
...ทำไมฉันไม่ได้ไม่มีอย่างคนอื่นเขาบ้างนะ
...ทำไมครูอาจารย์ที่ฉันเคารพจึงไม่เมตตาฉันเหมือนศิษย์คนอื่น ๆ นะ
...ทำไมหลวงปู่ไม่ช่วยฉันบ้างนะ
...ทำไม ๆ ๆ ๆ ฯลฯ
ตั้งแต่ครั้งเจ้าชายสิทธัตถะจะเสด็จออกบวช มารก็มาหลอกล่อว่าอีกเพียง ๗ วัน สมบัติแห่งพระเจ้าจักรพรรดิก็จะบังเกิดขึ้นแก่พระองค์แล้ว พระองค์อย่าได้เสด็จออกผนวชเลย กระทั่งพระองค์ตรัสรู้แล้ว มารก็เพียรมาทูลขอให้พระองค์เสด็จดับขันธปรินิพพาน
พระพุทธองค์ทรงมุ่งมั่น กระทำตามอุดมการณ์กระทั่งได้วางรากฐานพระพุทธศาสนายืนยาวมากระทั่งถึงพวกเราในบัดนี้ นั่นก็เพราะความไม่ย่อท้อของพระพุทธองค์ และหลวงปู่หลวงพ่อ ครูบาอาจารย์ทั้งหลาย
พระพุทธองค์เคยให้อุบายว่าเราควรปลุกใจตัวเองให้แกล้วกล้าในการปฏิบัติ เหมือนช้างศึกที่ตกหล่ม พอได้ยินเสียงกลองศึกเท่านั้น ช้างศึกก็รวบรวมกำลังทั้งหมด ฉุดตัวเองขึ้นจากหล่มได้ด้วยตนเอง
ในเมื่อเราไม่ให้กำลังใจตัวเองแล้ว ก็เป็นอันสิ้นหวัง
ครูบาอาจารย์จะช่วยอย่างไรก็ไม่อาจเกิดผล
เราต้องทำเรื่อยไป ปฏิบัติเรื่อยไป เหมือนสีไม้ให้เกิดไฟ
หรือเหมือนว่ายน้ำเรื่อยไปจนกว่าจะถึงฝั่ง เพราะอันตรายมันมีอยู่รอบด้าน
สร้างความอยากปฏิบัติให้เกิดขึ้น อยากในทางที่ดีท่านเรียกว่าฉันทะ อยากหมดกิเลสเป็นบุญไม่ใช่บาป
หลวงปู่ให้กำลังใจลูกศิษย์เสมอ ๆ ว่า
"ทำจนหายอยากแหละแก
ข้าทำมา ๕๐ ปีแล้ว
แต่ก็อาศัย ความอยาก นั่นแหละถึงจะอยากทำ
อยากเรื่อยไป จนหายอยาก..."------------------------------------------------
บทความจากลูกศิษย์ท่านหนึ่งของหลวงปู่ดู่