นวรัตน์ดอทคอม

รวบรวมสาระความรู้เกี่ยวกับวัตถุมงคล-เครื่องรางของขลัง

  • Increase font size
  • Default font size
  • Decrease font size
วันเวลาปัจจุบัน พฤหัสฯ. 16 ม.ค. 2025 4:27 pm

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




โพสต์กระทู้ใหม่ กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 
เจ้าของ ข้อความ
โพสต์โพสต์แล้ว: พุธ 10 ส.ค. 2016 4:51 am 
ออฟไลน์

ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ 07 มิ.ย. 2009 7:24 pm
โพสต์: 4804
"..เวทนา, ร่างกาย มันเป็นธรรมดา
มันเป็นรังของโรค เป็นก้อนโรคตั้งแต่ไหนแต่ไรมา
มันเป็นอย่างไรก็ไม่มีความหวั่นไหว
พระพุทธเจ้าและพระสาวกทั้งหลายก็ไม่มีความหวั่นไหว
เวลามันจะเป็นไป...

ร่างกายแล้วแต่มันจะเป็นไป ตามเรื่องของมัน
หน้าที่ของเขา ทุกขังอยู่นั่น เวทนาอยู่นั่น

เกิดเวทนา ก็ให้ฝึกหัดพิจารณาโลกธรรม
รูปอันนี้เราได้มาดีแล้ว เมื่อมันชำรุดทรุดโทรมไป
พระพุทธเจ้าก็ไม่มีความหวั่นไหวต่อมัน

มันจะเสื่อมลาภ ให้มันเสื่อมไปตามวิสัย ใจเราไม่เสื่อม

ความนินทามันก็ลมปาก ครั้นรู้เท่าแล้ว จิตไม่กระวนกระวาย

จิตไม่มาเกี่ยวข้องกับร่างกายแล้ว มันก็สุขเท่านั้นแหละ

ความทุกข์เกิดขึ้น ถ้ารู้เท่าแล้ว จิตก็ไม่หวั่นไหว.."


โอวาทธรรม....หลวงปู่ขาว อนาลโย



อันความตายนั้น จงระลึกดูให้รู้แจ้ง ด้วยสติปัญญาของตนเอง ยกจิตใจตั้งมั่น อย่าได้หวั่นไหว เจ็บจะเจ็บไปถึงไหนก็แค่ตาย อยู่ดีสบาย อยู่ไปถึงไหนก็แค่ตาย แก่ชราแล้วไม่ตายไม่ได้ เมื่อมาถึงบุคคลผู้ใด จะให้ผู้อื่นช่วยไม่ได้

ต้องภาวนา ให้พ้นจากความตาย ความตายนั้น มีทางพ้นไปได้ อยู่ที่การละกิเลส ล้างกิเลสในใจให้หมดสิ้น..

หลวงปู่สิม พุทธาจาโร..




"เราจะต้องปฏิบัติเอา"

" .. พระพุทธองค์ท่านสอนว่า "ความดีของเราก็คือ กาย วาจา ใจ" รักษามัน แต่งปรับปรุงมัน ปฏิบัติให้มันดีงามขึ้น มันก็ดีอยู่ในที่นั้น

ไม่ใช่ของดีจะไปขอเอากับพระพุทธเจ้า พระพุทธเจ้าก็ให้ของดีเราไม่ได้ "นอกจากท่านสอนให้ทำ ให้ทำเอา ให้ละอย่างนั้น ปฏิบัติอย่างนี้ แล้วก็ไปปฏิบัติเอา" มันก็ได้ มันก็ดีขึ้นมา

ไม่ใช่ว่าของดีอยู่กับพระพุทธเจ้า ของดีที่อยู่กับพระพุทธเจ้าก็เป็นของดีที่อยู่กับพระองค์ จะไปขอเอากับท่านไม่ได้ "เราจะต้องปฏิบัติเอา" ผลที่สุดแล้วความดีก็จะอยู่กับเรา "แต่ถ้าเราไม่สร้างความดีที่ถูกต้องขึ้น มันก็ดีขึ้นไม่ได้" ไม่ปรากฏขึ้นได้ .. "

หลวงปู่ชา สุภัทโท





" บุญบาปเป็นของเที่ยงแท้แน่นอน
ใครทำบาป บาปย่อมให้ผล
ใครทำบุญกุศล บุญกุศลย่อมตามให้ผล
แต่ว่าบางอย่างบางประการนั้นไม่ทันกับใจกิเลสมนุษย์
ก็เลยเข้าใจว่าทำบุญก็ไม่เห็นผล
แต่ว่าบาปนั้นไม่ทำก็เห็นผล"

หลวงปู่สิม พุทธาจาโร





"ทุกข์มันก็เป็นความจริงของมันอันหนึ่งเท่านั้น เช่นเดียวกับไฟได้เชื้อ มันลุกลามส่งแสงพุ่งขึ้นจรดเมฆก็ตาม ไฟนั้นก็ไม่ทราบความหมายของตนว่าร้อนหรือส่งแสงไปถึงไหน คนต่างหากเป็นผู้ไปให้ความหมายในเปลวไฟนั้น อันนี้ความทุกข์ที่จะแสดงขึ้นมากน้อยเขาก็ไม่ทราบความหมายของเขา ไม่ทราบตัวเองว่าเขาเป็นอย่างไร เป็นแต่จิตนี้ไปให้ความสำคัญมั่นหมายต่างๆ กับเขา เมื่อไปให้ในทางผิดก็เผาตัวเองเข้าอีก ถ้าให้ในทางถูก เข้าใจตามความจริงของเขาด้วยปัญญาชอบ ทุกข์ก็สักแต่ว่าทุกข์ กายส่วนต่างๆ ก็สักแต่ว่ากาย ความรู้คือจิตนี้ก็สักแต่ว่าจิต แน่ะมันขาดกันที่ตรงพิจารณารอบนี้แล"


หลวงตาพระมหาบัว ญาณสัมปันโน
เมื่อวันที่ ๑๔ พฤศจิกายน พุทธศักราช ๒๕๑๙


ข้างบน
 ข้อมูลส่วนตัว  
 
แสดงโพสจาก:  เรียงตาม  
โพสต์กระทู้ใหม่ กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิกใหม่ และ บุคคลทั่วไป 30 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ไปที่:  
ขับเคลื่อนโดย phpBB® Forum Software © phpBB Group
Thai language by phpBBThailand.com
phpBB SEO