"พระอรหันต์นิพพานได้ทุกอิริยาบถ"
"พระอรหันต์ท่านตายง่ายมาก ขันธ์นี้เพียงรับผิดชอบเฉยๆ ท่านไม่ยึดไม่ถือไม่แบกไม่หาม ท่านรับผิดชอบเฉยๆ เป็นหลักธรรมชาติของจิตของขันธ์ ขันธ์นี้เป็นสมมุติ จิตเป็นวิมุตติมันคนละฝั่งแล้ว เมื่อรักษาได้แค่ไหนก็รักษาไป รักษาไม่ได้ก็ดีดผึงเลยไปเลย ท่านจึงตายง่าย ประวัติของพระอรหันต์ไม่ค่อยมีในตำรับตำรา เพราะท่านตายง่าย ท่านไปอยู่ที่ไหนป่าไหนเขาไหน พอเห็นกาลเวลาสมควรแล้วท่านก็ไปของท่านปั๊บดีดผึงไปเลยๆ
จะมีบ้างก็ผู้ที่ปรากฏชื่อลือนาม เช่นพระสารีบุตร พระโมคคัลลาน์ อันนี้มีชัดเจน พระอานนท์ พระกัสสปะ พระกัสสปะนี้แบบลึกลับเคยเล่าให้ฟังแล้ว บางองค์ยืนนิพพานก็มี บางองค์นั่งนิพพานก็มี บางองค์นอนนิพพานก็มี ท่านถนัดใจของท่านตามอัธยาศัยของท่านแบบไหน ยืนอย่างนี้เหมือนกัน พออันนั้นก็พับทีนี้ก็หดย่อลงไปเลย จิตดีดออกแล้ว ท่านไม่มีภาระอะไรกับธาตุกับขันธ์
จึงว่าพระอรหันต์นิพพานได้ทุกอิริยาบถ ยืน เดิน นั่ง นอน ส่วนนอนมีมากนะ นั่งกับนอนคล้ายคลึงกัน ส่วนยืนส่วนเดินมีน้อยมาก ท่านบอกไว้ในตำรา สมควรที่ท่านเป็น สรณํ คจฺฉามิ ท่านเอามาสอนโลกท่านง่ายทุกอย่าง เป็นคติตัวอย่างได้ทุกอย่างมาสอนโลก เรียกว่าตายง่ายทีเดียว ประวัติของท่านถึงไม่ค่อยมีๆ"
หลวงตาพระมหาบัว ญาณสัมปันโน วันที่ ๒ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๕๔๙
ให้ตั้งจิตน้อมระลึกถึง คุณพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่ง และขอเอาบารมี “พระรัตนตรัย” มาเป็นสื่อส่งผ่าน บุญกุศลที่ได้ทำไว้ให้กับเจ้ากรมนายเวรทั้งหลาย อาตมาก็ใช้วิธีนี้เวลาแผ่เมตตา
โอวาทธรรม...หลวงปู่ฟัก สันติธัมโม
"พอกิเลสสิ้นไปแล้วมืดกับแจ้งไม่มีความหมาย"
"มืดวันนี้วันหลังก็สว่างขึ้นมาก็เท่าเดิม มืดวันนี้วันหลังแจ้งขึ้นมา มืดกับแจ้งมืดกับแจ้งมีตลอด ถ้ากิเลสสิ้นไปจากใจแล้วคำว่ามืดกับแจ้งหมดความหมายนะ มันมีความหมายอยู่กับคนมีกิเลส พอกิเลสสิ้นไปแล้วมืดกับแจ้งไม่มีความหมาย เพราะกิเลสมันไม่ใช่มืดกับแจ้ง ธรรมะไม่ใช่มืดกับแจ้ง ธรรมเป็นธรรมแท้ กิเลสแท้เป็นกิเลสแท้ พอสองอย่างนี้พรากจากกันแล้วว่างไปหมด พระอรหันต์จึงไม่มีงาน พระอรหันต์ไม่มีงานทำนะ ไม่มี มีอย่างโลกเขาไม่มี ท่านจึงอยู่สบาย"
หลวงตาพระมหาบัว ญาณสัมปันโน วันที่ ๒๒ สิงหาคม พุทธศักราช ๒๕๕๓
"พระพุทธเจ้า-พระอรหันต์ทุกๆ พระองค์ไม่มีงาน เป็นจิตที่ว่างงาน"
"ให้จิตอยู่กับธรรม เราภาวนาแบบไหนให้อยู่นี้ จิตไม่มีโอกาสออกไปเที่ยวข้างนอกมันก็อยู่นี้ จิตเมื่อมีผู้อารักขาคือสติแล้วมันจะอบอุ่นแล้วมั่นคงๆ เรื่อยๆ นี่ทำหมดแล้วนะนี่ ไม่ใช่ว่ามาคุยว้อๆ เฉยๆ ทำหมดแล้ว สติไม่ออก จิตอยู่กับตัวมันจะกลัวขนาดไหนก็ตามมันจะเข้ามาที่นี่ เข้ามาถึงที่นี่แล้วไม่กลัว จิตไม่มีที่พึ่งกลัว ถ้าจิตมีธรรมเป็นหลักใจแล้วไม่กลัวละ
ใครภาวนาดีๆ นั่นละธรรมอยู่กับคนนั้นนะ ธรรมไม่อยู่กับคนขี้เกียจขี้คร้านอะไร อยู่กับความขยันหมั่นเพียร เอาเสียให้จนมันขาดสะบั้นกับจิต จากนั้นหมดงาน ผู้หมดงานจริงๆ คือพระอรหันต์-พระพุทธเจ้าทุกพระองค์หมดงาน ว่างเลยตลอด
พระพุทธเจ้า-พระอรหันต์ทุกๆ พระองค์ไม่มีงาน เป็นจิตที่ว่างงาน ว่างเลย อะไรที่เป็นกิเลสไม่มีก็ไม่กวนใจ คิดธรรมดาอย่างนั้นๆ มันไม่เป็นกิเลส"
หลวงตาพระมหาบัวญาณสัมปันโน เมื่อวันที่ ๑๘ พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๕๕๓
|