Switch to full style
พระพุทธพจน์ - พุทธภาษิต พระธรรมเทศนา และ ธรรมะจากครูบาอาจารย์ผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ
ตอบกระทู้

ปัญญาตรรกะ

ศุกร์ 24 มี.ค. 2017 5:47 am

"มีแต่ปัญญาตรรกะ ปัญญาในสัญญาทั้งนั้น..
เหมือนหมอ ถ้าหมอไม่มีปัญญาหมอรักษาคนได้หรือ หมอต้องมีปัญญา แต่ทำไมหมอไม่เบื่อหน่ายคลายกำหนัด เพราะเป็นปัญญาในสัญญา
แต่ของครูบาอาจารย์ เป็นปัญญาที่รู้เท่าทันในสัญญา คือท่านรู้ในสัญญา แต่ท่านไม่สำคัญมั่นหมาย ก็ไม่มีกระบวนการคิดวิเคราะห์สังขารปรุงแต่ง ก็ไม่ต้องเสวยเวทนา
ต่อจากนั้นท่านก็พิจารณาเห็นจริงตามจริงไปเรื่อย ๆ เห็นรูปก็ทำลายรูป แล้วค่อยทำลายนามธรรม
เริ่มจากรู้แบบจำได้ นี่ผู้หญิง นั่นผู้ชาย นี่เสียงรถ เสียงมอเตอร์ไซค์ รู้แบบนี้เรียกว่าสัญญา
กระบวนการคิด วิเคราะห์โน่นนั่นนี่เรียกว่าสังขารตัวปรุงแต่ง
เกิดสภาวะสุขบ้างทุกข์บ้าง เฉย ๆ บ้าง เรียกว่าเวทนา
ตากระทบรูปหูกระทบเสียง รับรู้ เรียกว่าวิญญาณ
พยายามแยกให้เห็นว่าสิ่งรู้เหล่านี้ไม่ใช่สัตว์ตัวตนเราเขา มันไม่จีรังยั่งยืน
ในสัญญาก็ไม่เที่ยงนะ มันไม่ได้จำได้เรื่องเดียว เดี๋ยวก็จำเรื่องนั้น เดี๋ยวก็จำเรื่องนี้

กระบวนการคิด เดี๋ยวก็คิดดี เดี๋ยวก็คิดเลว เวทนาก็ไม่เที่ยง ดีใจ สุขใจ ทุกข์ใจ เฉย ๆ แปรปรวนอยู่ตลอด วิญญาณตัวรับรู้ก็ไม่เที่ยง

แล้วสิ่งที่ไม่เที่ยง เราควบคุมไม่ได้ จะเป็นตัวเราได้ยังไง ทั้งรูปทั้งนามทั้งสสารพลังงาน ต้องเอากำลังจากความสงบ ยกขึ้นมาพิจารณาแยกย่อยให้เห็น

นั่งนาน ๆ ก็เจ็บปวด ถ้าเป็นของเราก็อย่าให้เจ็บสิ มันสั่งไม่ได้ อย่าให้แก่ อย่าให้ผมร่วง อย่าให้ผมแตกปลาย อย่าให้ผมหงอกสิ มันสั่งไม่ได้ มันเป็นเราตรงไหน มันรูปไม่เที่ยง

ถ้ารูปเที่ยง เราจะมาอยู่จุดนี้หรือ เมื่อก่อนเราเป็นใคร เราอยู่ในท้อง เราคลอดออกมาแบเบาะ เราโตขึ้นมาจนอนุบาล ประถม มัธยมก็เพราะรูปไม่เที่ยง

มองย้อนไปในอดีตสิ ปัจจุบันเป็นอนาคตของอดีต ก็เพราะรูปไม่เที่ยง เราจึงมายืนจุดนี้ มันเป็นสันตติต่อเนื่อง

อยากรู้ว่ารูปไม่เที่ยง อาบน้ำสิ ถูขี้ไคล เซลล์ที่มันเกิดแล้วมันก็ตายไป เซลล์ใหม่มาทดแทน ก็เพราะมันไม่เที่ยง เราจึงมาอยู่ในสภาพแบบนี้

ถ้ารูปเที่ยงเราก็ต้องแบเบาะตลอดกาลสิ ให้พิจารณาดู"


โอวาทธรรมพระอาจารย์อังคาร อคฺคธมฺโม




"ถ้าใจของเรา อยู่ในปัจจุบัน
เราก็แก้ปัญหาได้ทั้งวัน
เมื่อเราแก้ปัญหาได้ทั้งวัน
ปัญญาเราก็เกิดทั้งวัน ไม่หยุด"

-:-หลวงพ่อกัณหา สุขกาโม-:-






"ร่างกาย เป็นรังของโรค
ต้องเจ็บป่วยอยู่เสมอ เป็นธรรมดา
อย่าเศร้าหมอง ตามการเจ็บป่วยนั้น
ทำใจให้ปลอดโปร่ง และให้นึกเสมอว่า
การเจ็บตาย จะมาถึงเมื่อไรก็ได้
อย่าประมาท อย่ารั้งรอ ต่อการทำความดี
ในขณะที่ยังมีโอกาสทำความดี
จะได้ไม่ต้องเสียใจ แม้ความตายจะมาถึง
ในวินาทีใดก็ตาม"

-:- ท่านเจ้าคุณนรรัตนราชมานิต -:-






มัจจุราชมันไล่เข้าๆ แล้วนะ มันบีบเข้าๆ อยู่นั่น
คนเรานี้ มันก็เท่านั้น เกิดแล้วตาย ตายแล้วเกิดๆ
อยู่อย่างนั้น มีแต่พระอริยเจ้าทั้งหลาย
ท่านไม่อุปทานความยึดมั่น

ฟังไป ก็ไม่เอาไปพิจารณา ไปกำกับจิตของเจ้าของ
มันก็ไม่เกิดผลนะ! มันเอาแต่ความจำ
"ความจริง" มันไม่เกิดกับใจเจ้าของ

หลวงปู่ลี กุสลธโร






วิธี "วางจิตก่อนตาย"

ให้ปล่อยวางธาตุขันธ์
ให้วางตั้งแต่ยังรู้ตัวอยู่นี่แหละดี

อย่าไปโวยวายกับธาตุ
ธาตุจะแตกจะดับก็เรื่องของมัน

แต่ใจเราไม่ได้ดับ ใจเรารู้อยู่

ความโวยวาย มันอุปาทานขันธ์

ถ้าวางอุปาทานเสียได้ ไม่ยึดถือขันธ์เสียแล้ว

มีแต่ใจดวงเดียว

ไม่ยึดใครถือใคร ...ใช้ได้

หลวงปู่ท่อน ญาณธโร
ตอบกระทู้