พระพุทธพจน์ - พุทธภาษิต พระธรรมเทศนา และ ธรรมะจากครูบาอาจารย์ผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ
อาทิตย์ 26 มี.ค. 2017 5:48 am
"อย่าเป็นศิษย์นอกคอก หัวล้านนอกครู ครูบาอาจารย์สอนอะไรท่านก็ย่อมพิจารณาแล้ว ธรรมทั้งหลายที่มาสอนเราท่านก็ต้องเอาชีวิตเข้าแลกมา พวกเราซิสบาย ไม่ต้องลำบากอะไรเลย ท่านเอามาป้อนให้ถึงปาก ยังไม่อยากจะเอากันเลย"
ท่านพ่อเฟื่อง โชติโก
"การปฏิบัติถึงคราวเด็ดมันต้องเด็ด ถึงคราวเฉียบขาดต้องเฉียบขาดมันเป็นไปตามจังหวะหรือตามเหตุการณ์ที่เกี่ยวข้องกับจิตนี่เองแหละ ถึงคราวจะอนุโลมก็ต้องอนุโลมถึงคราวจะผ่อนสั้นผ่อนยาวไปตามเหตุตามกาลตามธาตุตาขันธ์ก็มี ถึงคราวหมุนติ้วไปตามอรรถตามธรรมโดยถ่ายเดียวก็มี เวลาจำเป็น ใจซึ่งควรจะเด็ดเดี่ยวต้องเด็ดเดี่ยวจนเห็นดำเห็นแดงกันอะไรจะสลายก็สลายไปเถอะแต่จิตกับธรรมจะสลายกันไม่ได้ การปฏิบัติเป็นอย่างนั้น เราจะเอาแบบเดียวมาใช้นั้นไม่ได้เพราะธรรมไม่ใช่แบบเดียวกิเลสไม่ใช่ประเภทเดียวประเภทที่ควรจะลงกันอย่างหนักก็มี ประเภทที่ควรจะผ่อนผันสั้นยาวไปตามบ้างก็มี"
หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน
"เรื่องของคนอื่น
พยายามอย่าให้เข้ามาที่จิตใจเรา
ถ้าไม่ระวัง ก็จะยุ่งแต่เรื่องของคนอื่น
ไปเรื่อยๆ หาเรื่องอยู่อย่างนั้น
เอาเรื่องโน้น เรื่องนี้มาเป็นเรื่องของเรา
ไปหมด มีแต่ยินดี ยินร้าย พอใจ ไม่พอใจ
ทั้งวัน อารมณ์มาก จิตไม่ปกติ ไม่สบาย
ทั้งวันๆ ก็หมดแรง"
-:-หลวงปู่ชา สุภัทโท-:-
"หากยามใดท้อถอย เหนื่อยหน่ายต่อการปฏิบัติก็ให้ระลึกถึงภัยข้างหน้าที่จะมีมาต้องตระหนักว่าขณะนี้เรายังอยู่ในมรสุมอยู่ท่ามกลางคลื่น ภัยนั้นมีอยู่รอบด้านเอาไว้ให้ถึงฝั่งเสียก่อน อย่ามัวเที่ยวเก็บ เที่ยวชมดอกไม้มืดค่ำแล้ว เดี๋ยวจะหาทางออกไม่พบ"
หลวงปู่สุวัจน์ สุวโจ
"...เหนื่อยทางธรรมเพื่อหาทางออก ยังมีวันสิ้นสุด แต่เหนื่อยหาทางโลกไม่มีวันสิ้นสุด
เกิดมาแล้วก็ตายไป ความสุขที่ได้เพียงเล็กน้อย บนโลกนี้ เมื่อเทียบกับทุกข์ ไม่คุ้มค่ากับที่ได้รับในแต่ละชาติ..."
โอวาทธรรมคำสอน..
องค์หลวงพ่อทูล ขิปปปัญโญ
"เราทำความดี แต่ว่าผลสนองให้กับเราเป็นปัจจัย แห่งความเร่าร้อน นั่นก็ถือว่าเราใช้หนี้กรรมเขาไป ชาตินี้เราไม่ได้ทำเขา ชาติก่อนเราคงทำเขา เมื่อเขาจะมารับผลของเขาคืน ก็คืนให้เขาไปตาม
อัธยาศัย ใครเขาจะด่า เราก็ เฉย ยิ้ม เพราะเราได้ มีโอกาสใช้หนี้แล้ว ใครเขาจะนินทา เราก็ ยิ้ม ใครเขาจะกลั่นแกล้งก็ช่าง ตั้งหน้าตั้งตาทำความดี"
ธรรมโอวาทหลวงพ่อพระราชพรหมยาน
#เรื่องเล่าของพ่อแม่ครูอาจารย์ถึงพ่อแม่ครูอาจารย์
หลวงปู่สรวง สิริปุญโญ วัดศรีฐานใน จ.ยโสธร ได้เล่าให้สานุศิษย์ของท่านฟังว่า ท่าน(หมายถึงหลวงปู่สรวง)ได้อดอาหารทำความเพียรอยู่ถึง ๒๘ วัน ในวันที่ ๒๘ ท่านได้มรณภาพไปเป็นเวลา ๓ ชั่วโมง ปรากฏว่าตัวท่านเองขึ้นไปโผล่อยู่บนสวรรค์ มองลงมาข้างล่างก็เห็นนรกขุมต่างๆ เหล่าสัตว์นรกกำลังเสวยวิบากกรรมที่ตนกระทำมา ท่านเล่าต่อว่าบนสวรรค์นั้นเหล่าเทวบุตรเทวดามีแต่คนสวยๆงามๆ ยิ่งขึ้นสวรรค์ชั้นที่สูงขึ้นไปเท่าไรเทวดายิ่งสวยงามมากขึ้นเท่านั้น เมื่อขึ้นไปถึงสวรรค์ชั้นหนึ่งท่านก็เห็นวิมานหลังหนึ่งใหญ่โตมาก เป็นวิมานที่สร้างด้วยทองคำ ประดับประดาด้วยแก้วและเพชรนิลจินดาต่างๆเต็มไปหมด หลวงปู่สรวงจึงถามเทวดาว่าวิมานใหญ่โตนี้เป็นของใคร เทวดาจึงชี้มือลงมาให้ท่านดูที่โลกมนุษย์ ปรากฏว่าบริเวณนั้นคือบ้านขามเฒ่า จ.นครพนม ก็เห็นชายผู้หนึ่งชื่อพรหมา รังษี เป็นกำนันตำบลนั้น เทวดาบอกว่าวิมานนี้เป็นของนายพรหมา รังษี ท่านจึงถามเทวดาต่อว่าเหตุใดนายพรหมา จึงได้วิมานใหญ่โตนี้ ก็ได้ความว่า สมัยที่หลวงปู่ศรี มหาวีโร ออกธุดงค์อยู่แถวบ้านขามเฒ่า ในเขตจ.นครพนม ได้มีประชาชนเลื่อมใสศรัทธาท่านเป็นจำนวนมาก กำนันพรหมา รังษี พร้อมด้วยชาวบ้านจึงได้ช่วยกันสร้างศาลาปฏิบัติธรรมถวายท่าน ด้วยอานิสงค์ที่สร้างศาลาถวายหลวงปู่ศรี มหาวีโร ซึ่งเป็นพระผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบนี้ทำให้กำนันพรหมา รังษี ได้วิมานใหญ่โตหลังนี้บนสวรรค์.........
#บันทึกโดย ท่านอาจารย์อภิภัสร์ ปาสานะเก อาจารย์ประจำคณะนิติศาตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏอุบลราชธานี
ความตายไม่มีใครรอ
ต่างคนต่างรอ มันจะรออย่างไร
ดินน้ำลมไฟ มันแตกดับเมื่อไร ใครเล่าจะรู้
ต่างคนต่างไปในวันสุดท้าย
หญิงชายทุกชีวิต หาผิดกันไม่
รูปํ ชีรติ มจฺจานํ นามโคตฺตํ นฺ ชีรติ
จากไปแต่เพียงร่างกาย แต่คุณงามความดียังอยู่
หลวงปู่สรวง สิริปุญโญ
วัดศรีฐานใน อ.ป่าติ้ว ยโสธร
Powered by phpBB © phpBB Group.
phpBB Mobile / SEO by Artodia.