บอร์ดที่เกี่ยวกับบทสวดมนต์ และ คาถาอาคมที่ศักดิ์สิทธิ์ต่าง ๆ
เสาร์ 15 ส.ค. 2009 7:29 pm
ขอบคุณคับ
เสาร์ 15 ส.ค. 2009 11:54 pm
แจ่มครับ ขอบคุณครับพี่
อาทิตย์ 16 ส.ค. 2009 1:11 am
สหายพันตา เขียน:ถามอาจารย์ต่อ อ่ะครับ !!
พอดีครั้งไปกราบท่านหลวงพ่อชำนาญ
ทำบุญบูชาพระสิวลีที่วัดมา ผมใช้บทสวดนี้ได้ป่าวครับ

เรียนคุณสหายพันตา
โดยปกติตั้งแต่โบราณหากพูดคำว่า "คาถา" จะหมายถึง มนต์, วิทยาคม ฯ ที่โอมอ่านเพื่อความขลังความศักดิ์สิทธิ์ มุ่งให้เกิดฤทธิ์เดชอานุภาพโดยประการต่าง ๆ ตามเนื้อความของ "คาถา" และเป็นไปเพื่อสนองความต้องการของผู้สวดซึ่งก็มักเป็นไปทางกิเลสเสียมาก
แต่ถ้าพูดว่า "พระคาถา" จะหมายถึง มนต์ที่เกี่ยวข้องกับพระรัตนตรัยทั้งสิ้น ผู้สวดก็สวดเพื่อมุ่งสรรเสริญคุณของพระพุทธเจ้า พระธรรม พระสงฆ์บ้าง บรรยายอานิสงส์ของการปฏิบัติธรรมโดยแนวทางต่าง ๆ บ้าง บรรยายธรรมและพระสูตรโดยกว้างขวางพิสดารบ้าง ฯลฯ
ดั้งนั้น วัตถุประสงค์ของการสวดมนต์ทั้งสองแบบจึงต่างกันโดยสิ้นเชิง
กล่าวคือ "คาถา" มุ่งไปทางเอาเข้า เอามาเป็นประโยชน์ตน แต่ "พระคาถา" มุ่งสรรเสริญพระคุณท่านโดยมิได้หวังสิ่งใดตอบแทน นอกจากปรารถนาจะประกาศให้มนุษย์และเทวดาทั้งหลายได้รับทราบถึงพระมหาคุณของพระรัตนตรัย
จิตที่คิดให้ จึงสูงกว่าจิตที่คิดเอา
"คาถา" จึงต้องมีที่มา ต้องมีการครอบครูให้ถูกต้องตามแบบ ต้องไหว้ครู ต้องศึกษาเล่าเรียนตามตำรับตำราและมีข้อห้ามปลีกย่อยมากมาย ในขณะที่ "พระคาถา" ไม่จำเป็นต้องยกครู ครอบครู ข้อห้ามมีข้อเดียวคือ "ห้ามทำชั่ว" นอกนั้นก็ไม่มีปัญหาใด ๆ การสวดมนต์ตามแบบอย่างที่พระพุทธองค์และพระอริยเจ้าทั้งหลายวางไว้จึงมีแต่บุญไม่มีบาป... จึงมีแต่ประโยชน์ไม่มีโทษ...
ทำให้ถูกเรียกขานอีกอย่างว่า "เจริญพระพุทธมนต์"
เพราะไม่มีหนทางเสื่อม มีแต่ทางเจริญโดยถ่ายเดียว
ฉะนั้น บทสวดบูชาพระคุณของพระสิวลีมหาเถระเจ้า พระอรหันต์ผู้มีเอตทัคคะทางลาภผล จึงได้ชื่อว่าเป็น "พระคาถา" มิใช่ "คาถา" เมื่อเป็นพระคาถาใคร ๆ ก็สวดได้โดยไม่จำเป็นต้องไหว้ครูครอบครู และคุณแห่งพระอรหันตเจ้าก็เป็นคุณอันบริสุทธิ์ เป็นสภาวะกลาง ๆ ไม่เอนเอียง ไม่ผันแปร ไม่กลับคืน
เมื่อเป็นกลาง... ว่าง ๆ ... เปล่า ๆ ... บริสุทธิ์ จึงไปอยู่ที่ใดก็ได้ อย่างไรก็ได้ ไม่ถือ ไม่ยึด
สวดที่ไหนก็ได้ เมื่อไรก็ได้ สวดกับรูปก็ได้ ไม่ปรากฏรูปก็ได้
ทันทีที่สวดด้วยใจเลื่อมใส พลังงานบริสุทธิ์นั้นก็หลั่งลงมาครองใจแล้วโดยไม่ต้องอาศัยเครื่องเหนี่ยวนำใด ๆ
หลับตาสวดก็ไม่เห็น "อะไร" ตรงหน้าแล้วครับ
อาทิตย์ 16 ส.ค. 2009 1:13 am
ตอบได้แจ่ม ดีจริง ๆ
ข้าน้อยขอคารวะ
อาทิตย์ 16 ส.ค. 2009 1:17 am
กล่าวหนักไปแล้วท่านจอมยุทธ์ตือโอชะ

- re1.jpg (15.08 KiB) เปิดดู 2881 ครั้ง
อาทิตย์ 16 ส.ค. 2009 1:48 am
มิได้ มิได้

- CLIFF1.jpg (17.41 KiB) เปิดดู 2872 ครั้ง
อาทิตย์ 16 ส.ค. 2009 8:39 pm
ข้าน้อยเห็นรูปที่ท่านทั้งสองใช้แล้ว
อยากเกิดอาการธาตุไฟเข้าแทรก
จันทร์ 17 ส.ค. 2009 7:40 am
ด้วยจิตคาระวะ เอ้ย ขอบคุณครับท่านอาจารย์ !
อังคาร 18 ส.ค. 2009 6:09 pm
พุธ 19 ส.ค. 2009 12:05 am
ขอบคุณ อ.ต่อครับ
ได้ฟามรู้อีกแย้ว
เสาร์ 07 พ.ย. 2009 9:34 pm
ขอบคุณมากๆๆคร๊าบๆๆ ที่ให้พระคาถาอันศักดิ์สิทธิ์อีกอย่างไว้ให้ได้สวดภาวนากัน
จะได้ใช้คู่กับสิ่งรักสิ่งหวงสักที (หามานานมากทั้งสองอย่าง)
- แนบไฟล์
-

- เพื่อนให้มา (กว่าจะได้รอสุดยอดนาน)
- -ย่อกลาง.jpg (50.31 KiB) เปิดดู 2662 ครั้ง
จันทร์ 09 พ.ย. 2009 12:34 am
คิดว่ารอจากคุณจิตมั่น ก็คงอีกนานเช่นกัน (มั๊ง)
พุธ 16 ธ.ค. 2009 9:02 pm
ขอบคุณพี่ๆทุกคนครับ กับพระคาถา ประสบการณ์
และการตอบโต้กันแบบ เหตุ - ผล
แม้ป๋มมาทีหลัง
แต่ก็ยังได้อานิสง จากพี่ๆครับ สาธุๆๆๆ
Powered by phpBB © phpBB Group.
phpBB Mobile / SEO by Artodia.