นวรัตน์ดอทคอม

เพลงลาสาวแม่กลอง

สิ้นแสงดาวดุเหว่าเล่าร้อง
จากสุมทุมลุ่มน้ำแม่กลอง พี่จำจากน้องคนงาม
แว่วหวูดรถไฟ พี่แสงอาลัยสมุทรสงคราม
คงละเมอเพ้อพร่ำ คิดถึงคนงามที่อยู่แม่กลอง
ราชการทหารเรียกใช้
ลูกน้ำเค็มเข้าทัพเรือไทย ฝึกเตรียมเอาไว้ทุกกอง
พี่ต้องขอลา จากแล้วแก้วตาลาถิ่นแม่กลอง
คงหวนมาหาน้อง คนสวยแม่กลองคอยพี่กลับมา
เมื่อสงกรานต์งานวัดบ้านแหลม
เคยเที่ยวชมกับโฉมแชล่ม เมื่อคืนข้างแรมเมษา
สงน้ำร่วมน้อง ปิดทองพระปฎิมา
อธิฐานรักอยู่ฟ้า หวังเกิดมาร่วมใจ
ป้อมพระจุลฯ ไกลบ้านห่างน้อง
เมื่อฝนมาฟากฟ้าคะนอง ได้ยินถึงน้องหรือไม่
พี่ส่งสัญญา ฝากฟ้าครวญมาจากห้วงหัวใจ
คือเสียงครวญหวนให้ ทหารเรือไทยยังห่วงแม่กลอง

องค์พระปฏิมานั่นแหละครับ คือหลวงพ่อบ้านแหลม วันนี้โชคดีแต่เช้า มีคนเดินถือพระมาส่งให้ถึงบ้าน
ตอนนี้ครบแล้วครับ หลวงพ่อโต วัดบางพลีใหญ่ใน หลวงพ่อโสธร หลวงพ่อวัดบ้านแหลม

หากเอ่ยถึงเมืองแม่กลอง หรือสมุทรสงครามแล้วไม่กล่าวถึง หลวงพ่อวัดบ้านแหลม ก็นับว่าไม่รู้เรื่องเมืองแม่กลองจริงแท้ ดังนั้นจึงต้องกล่าวถึงหลวงพ่อวัดบ้านแหลม ทั้งที่เป็นตำนานเล่าขานสืบต่อมา และทั้งที่เป็นประวัติความเป็นมา ตามที่ได้บันทึกไว้เป็นหลักฐานสำคัญ ให้ได้ศึกษาต่อๆ กันมา
หลวงพ่อวัดบ้านแหลม เป็นพระพุทธรูปหล่อด้วยทองสัมฤทธิ์ ปางอุ้มบาตร ยืนสูงตั้งแต่ปลายพระบาทถึงยอดพระเกศมาลา 167 เซนติเมตร หรือสูงขนาดเท่าคนจริงโดยประมาณ เป็นพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองสมุทรสงคราม มานานเกือบสองร้อยปีแล้ว พระพุทธรูปหลวงพ่อวัดบ้านแหลม เปรียบเสมือนหนึ่งเป็นหลักเมือง หรือเทวดาประจำเมืองสมุทรสงครามเลยทีเดียว และเป็นที่เคารพสักการะของผู้คนโดยทั่วไป จนมีชื่อเสียงเลื่องลือถึงความศักดิ์สิทธิ์ มานานตราบเท่าในปัจจุบันนี้
ตำนานของหลวงพ่อวัดบ้านแหลม มีเรื่องเล่าสืบกันมาว่า เป็นพระพุทธรูปที่ลอยน้ำได้ โดยลอยน้ำมาด้วยกันสององค์พี่น้อง คือหลวงพ่อวัดเขาตะเครา เมืองเพชรบุรี กับ หลวงพ่อวัดบ้านแหลม แห่งเมืองสมุทรสงคราม บ้างก็ว่ามีลอยมาด้วยกันสามองค์พี่น้อง คือมีหลวงพ่อโสธร เมืองฉะเชิงเทราด้วย หรือมีมาสี่องค์ คือ หลวงพ่อวัดบางพลี เมืองสมุทรปราการอีกองค์หนึ่ง และบางตำนานก็เล่าว่า มีมาห้าองค์คือ หลวงพ่อวัดไร่ขิง เมืองนครปฐมด้วย สรุปว่า มีพระพุทธรูปห้าองค์ เป็นพี่น้องกันลอยน้ำ มาจากทางเหนือ
องค์แรกขึ้นประดิษฐานที่วัดโสธร จังหวัดฉะเชิงเทรา องค์ที่สองลอยขึ้นที่วัดไร่ขิง จังหวัดนครปฐม องค์ที่สามลอยไปขึ้นประดิษฐาน ที่วัดบางพลี สมุทรปราการ องค์ที่สี่ ได้ลอยขึ้นมาประดิษฐานที่วัดบ้านแหลม จังหวัดสมุทรสงคราม และองค์สุดท้ายได้ไปประดิษฐานที่ วัดเขาตะเครา จังหวัดเพชรบุรี พระพุทธรูปทั้ง 5 องค์นี้ มีความศักดิ์สิทธิ์ และมีอภินิหาร เป็นที่เคารพสักการะของประชาชน จนมีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วประเทศ หรือแม้แต่ในต่างประเทศด้วย




สำหรับหลวงพ่อวัดบ้านแหลม ซี่งเป็นพระพุทธรูปที่มีพุทธลักษณะงดงาม เป็นพระพุทธรูปหล่อด้วยสัมฤทธิ์ผสมด้วยเงิน ทอง นาก ปางอุ้มบาตรสูงเท่าคนจริง ที่ฐานพระบาท มีดอกบัวรองรับพระบาทอยู่บนแท่นฐานแข้งสิงห์ ซึ่งก่อสูง 45 เซนติเมตร ส่วนองค์พระสูง 167 เซนติเมตร เป็นพระพุทธรูปที่สร้างขึ้นในสมัยกรุงศรึอยุธยา ที่มีลักษณะเด่นก็คือ พระพุทธรูปองค์นี้ มีพระพักตร์งดงามคล้ายพระพักตร์ของเทพบุตร โดยมีคนเคยกล่าวไว้ว่า พระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์องค์นี้ มีรูปพระพักตร์เป็นเทวดา และถือว่ามีเทพ หรือเทวดาเข้ามาสิงสถิตรักษา อยู่ในองค์หลวงพ่อวัดบ้านแหลมอย่างแน่นอน
ในส่วนของพระหัตถ์ก็สามารถถอดออกได้เป็นชิ้น คล้ายรูปแบบของพระพุทธรูปสมัยสุโขทัย เช่น พระพุทธรูปทองคำ ที่วัดไตรมิตร กรุงเทพมหานคร ซึ่งก็สามารถถอดออกได้เป็นส่วนๆ เช่นกัน หลวงพ่อวัดบ้านแหลม เป็นพระพุทธรูปที่ไม่มีฉลองพระบาท แต่มีรูปดอกบัวบานรองรับ ตอนล่างทำเป็นฐานสูง 45 เซนติเมตร หักเป็นมุมไม้สิบสอง ส่วนของพระเกศมาลาทำคล้ายเปลวเพลิง พระสังฆาฏิพาดยาวลงมาถึงพระชงค์ (หัวเข่า) แต่ไม่มีลวดลายอย่างใด จีวรทำเป็นแผ่นคล้ายแผงแผ่อยู่ทางด้านหลังทั้งสองข้าง สันนิษฐานว่าน่าจะเป็นพระพุทธรูปที่สร้างขึ้น เพื่อเป็นพระประจำพระองค์ของกษัตริย์ ในสมัยกรุงศรีอยุธยาพระองค์ใดพระองค์หนึ่ง หรือสร้างขึ้นสำหรับเจ้านายองค์ใดองค์หนึ่ง เพราะการสร้างได้หล่อพระพุทธรูปมีขนาดเท่าคนจริง ซึ่งมีความเชื่อว่า วิญญาณของท่านผู้สร้างนั้นได้มาสิงสถิตอยู่ เพื่อช่วยเหลือผู้ที่ตกทุกข์ได้ยาก เป็นต้น

พระพุทธรูปหลวงพ่อวัดบ้านแหลม เป็นพระพุทธรูปที่มีพุทธลักษณะงดงามสมส่วนมาก โดยเฉพาะพระพักตร์ที่อิ่มเอิบเหมือนจะแย้มพระโอษฐ์ ในอดีตเมื่อครั้งพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๕ ได้พระราชทานถวายสายสะพายพาดเครื่องราชอิสริยาภรณ์ปฐมจุลจอมเกล้าวิเศษ คาดรัดประคดปักดิ้นเงิน เป็นพุทธบูชา ส่วนบาตรเดิมสูญหายไปในทะเล สมเด็จเจ้าฟ้าภาณุรังษีสว่างวงศ์ กรมพระยาภาณุพันธุวงศ์วรเดช จึงได้ประทานถวายบาตรใหม่ เป็นบาตรแก้วสีน้ำเงิน ปัจจุบัน ทางวัดได้เก็บสิ่งของเหล่านี้เอาไว้ในพระอุโบสถ และองค์พระพุทธรูปหลวงพ่อวัดบ้านแหลมองค์นี้ ทางกรมศิลปากรได้จดทะเบียนขึ้นไว้เป็นโบราณวัตถุแห่งชาติแล้ว ตั้งแต่ปีพุทธศักราช 2496

ขอบคุณสำหรับข้อมูล จากที่นี่ครับ
http://jove.prohosting.com/samut/tour/banlaem.htm

ขอบคุณครับ งดงามจริงๆ แถมมาพร้อมเพลงอีกต่างหาก

เอาเพลงมาฝากครับ

สงสัยจาดื่มนมมากไป (ดูจากโลโก้)
ผมว่าเรื่องมิวสิคต้องยกให้ต้นฉบับ (จิ้งจก) ห้ามลอกเลียนแบบและด้ดฟัน นาคร๊าฟ...
คุณกริด 106-107

_________________
หนอนในอาจมย่อมสกปรก เมื่อกลายเป็นจั๊กจั่นก็ดื่มน้ำค้าง เมื่อกลายเป็นหิ่งห้อยก็เรืองโรจน์ใต้เเสงจันทร์
พึงรู้ว่าสะอาดเกิดจากสกปรก สว่างเกิดจากมืดมน

แหม...ขอบคุณในคำชมของคุณอาร์ตครับ มิกล้า มิกล้า ร่วมแจมๆ กันแหละครับดีแล้ว ช่วยๆ กัน ว่าแล้วก็ขอหยิบมุมหนึ่งของสถานีรถไฟแม่กลองที่เขาเรียกกันว่า ตลาดหุบร่ม แต่ผมว่า น่าจะเรียกว่า ตลาดหดผ้าใบมากกว่าครับ มาให้ชมกัน ลองดูที่มุมขวาล่างของภาพนะครับ ตะกร้า 3 ใบนั้นผมว่า ธรรมดาคงไม่ได้เคลื่อนย้ายสักเท่าไรเพราะว่า เขารู้ระดับความสูงของล้อรถไฟเป็นอย่างดีเลย



อันนี้อีกมุมหนึ่ง น่าสนใจดีครับ



ถ้าจะไปไหว้หลวงพ่อบ้านแหลมท่านก็ไปทางรถไฟได้ครับ เพราะวัดอยู่ไม่ไกลจากสถานีรถไฟ ออกจากสถานีปั๊บ เลี้ยวซ้าย เดินไปหาขนม หาน้ำกินไป ดูดน้ำไม่ทันครึ่งถุงก็ถึงวัดหลวงพ่อบ้านแหลมหรือวัดเพชรสมุทรวรวิหาร แล้วครับ ถ้าจะไปกราบท่านก็ขึ้นรถไฟได้ที่สถานีวงเวียนใหญ่ เรื่องเวลาเดินทางเที่ยวรถ คงต้องเช็คกับการรถไฟแห่งประเทศไทยครับ มีเว็บไซต์เช็คเวลาตารางการเดินรถได้ ผมเคยไปครับ สมัยเด็กๆ ได้รสชาติของชีวิตไปอีกแบบ