พฤหัสฯ. 15 ต.ค. 2009 6:21 pm
ท่านเจ้าคุณพระวิมลธรรมภาณ(หลวงปู่วิเวียร) มีนามเดิมว่า สังเวียน บุญมาก กำเนิด ณ บ้านหมู่ที่ 8 ตำบลบ้านแก่ง อำเภอเมือง จังหวัดนครสวรรค์ เมื่อวันที่ 9 พฤศจิกายน 2464 ตรงกับวันพุธ ขึ้น 10 ค่ำ เดือน 12 ปีระกาพ.ศ. 2484 อายุครบอุปสมบท ได้อุปสมบทที่วัดดวงแข โดยเจ้าพระคุณสมเด็จพระวชิรญาณวงศ์ วัดบวรนิเวศ ทรงเป็นพระอุปฌาย์ พระสุพจนมุนี (ต่อมาได้รับสถาปนาขึ้นเป็นพระพรหมมุนี สุวจเถรผิน ธรรมประทีป) เป็นพระกรรมวาจาจารย์ พระปลัดรัตน์ (ต่อมาได้เลื่อนสมณศักดิ์เป็นพระญาณวิสุทธิเถร) วัดดวงแขเป็นพระอนุสาวนาจารย์ เมื่อเดือนพฤษภาคม 2484 และในคราวอุปสมบทนี้เองได้เปลี่ยนชื่อจากสังเวียน มาเป็นวิเวียร
สืบมาศึกษาพระเวทย์วิทยาคมจากหลวงพ่ออยู่แทนจนสำเร็จ (หลวงพ่ออยู่ วัดบ้านแก่งเป็นศิษย์เอกของ 3 พระอาจารย์ที่มีชื่อเสียงโด่งดังในสมัยก่อนคือศิษย์ของท่านพระครูวิมลคุณากรหรือหลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า จังหวัดชัยนาท พระครูพิสิสถสมถคุณหรือหลวงปู่เฮง วัดเขาดิน จังหวัดนครสวรรค์ และพระครูนิวาสธรรมขันธ์หรือหลวงพ่อเดิม วัดหนองโพ จังหวัดนครสวรรค์) วิชาของ 3 พระอาจารย์นี้หลวงพ่ออยู่ วัดบ้านแก่งได้ถ่ายทอดให้หลวงปู่วิเวียรจนหมดสิ้น ตำราพระเวทย์เหล่านี้หลวงปู่วิเวียรได้เคยเล่าให้ฟังว่าปัจจุบันนี้ยังอยู่ที่วัดบ้านแก่ง จังหวัดนครสวรรค์ หลวงปู่ได้เดินทางขึ้น-ล่องระหว่างวัดดวงแข กับวัดบ้านแก่งเวลาเข้าพรรษาจะอยู่ที่วัดดวงแข พอออกพรรษาจะมาอยู่ที่วัดบ้านแก่งเพื่อศึกษาพระเวทย์ต่างๆ กับหลวงพ่อตั้งแต่ พ.ศ. 2485 ถึง พ.ศ. 2491 ซึ่งเป็นปีที่หลวงพ่ออยู่มรณภาพ
ปี พ.ศ. 2495 หลวงปู่เล่าให้ฟังว่าในวันหนึ่งมีพระภิกษุชรารูปหนึ่งได้เดินเข้ามาในวัดดวงแข และได้มาขออนุญาตพัก 1 คืน วันรุ่งขึ้นจะนั่งรถไฟเดินทางไปจังหวัดนครราชสีมา หลวงปู่ก็จัดที่พักให้ที่ศาลาสูง (ปัจจุบันรื้อไปแล้ว) หลวงปู่ก็จัดการกวาดวัดต่อไปจนเวลาประมาณเกือบ 2 ทุ่ม หลวงปู่กวาดวัดเสร็จก็สรงน้ำเพื่อที่จะสวดมนต์ทำวัตร พระภิกษุชรารูปนั้นก็ได้กวักมือเรียกหลวงปู่ไปพบบอกว่าเดี๋ยวสวดมนต์ทำวัตรด้วยกัน เมื่อทั้งสองรูปพร้อมแล้วพระภิกษุชรารูปนั้นก็บอกว่าปลงอาบัติก่อนผมก็เป็นพระธรรมยุติเหมือนกับท่านบวชมาตั้งแต่เป็นเณร เมื่อปลงอาบัติเสร็จแล้วก็เริ่มสวดมนต์กันจนจบหลวงปู่บอกว่าพระภิกษุชรารูปนี้สวดมนต์ได้เพราะมากอักขระชัดเจนสวดเก่งมาก เมื่อสวดมนต์เสร็จแล้วก็ให้นั่งกัมมัฏฐาน กันนั่งอยู่ได้ประมาณครึ่งชั่วโมง พระภิกษุรูปนั้นก็สั่งให้หยุดนั่ง และสอบถามประวัติหลวงปู่ว่าใครอบรมสั่งสอนวิชาวิปัสสนากัมมัฏฐานให้ หลวงปู่บอกว่าท่านพระครูนิวุตถ์พรหมจรรย์ (หลวงพ่ออยู่) วัดบ้านแก่งจังหวัดนครสวรรค์สอนให้ พระภิกษุชรารูปรูปนั้นก็ยกมือขึ้นไหว้แล้วพูดว่าท่านหลวงพ่ออยู่นี้เก่งมากอบรมศิษย์ได้ถึงขนาดนี้
แล้วพระภิกษุชรารูปนั้นก็บอกว่าตัวของท่านคือพระอาจารย์สิงห์แห่งโคราช เมื่อหลวงปู่ทราบก็ก้มลงกราบเท้าพระอาจารย์สิงห์ขอขมาท่านที่ไม่ทราบว่าท่านคือใคร พระอาจารย์สิงห์เลยบอกให้หลวงปู่ไปจัดดอกไม้ธูปเทียนผ้าขาวน้ำเปล่าอีก 1 แก้ว มาเมื่อหลวงปู่จัดเครื่องเหล่านี้มาแล้ว พระอาจารย์สิงห์ก็ให้หลวงปู่ถวายท่านเพื่อทำการศึกษาวิชาพระเวทย์วิทยาต่าง ๆ และได้อบรมสั่งสอนวิปัสสนากัมมัฏฐานต่อจนสำเร็จในวิชาของท่านพระอาจารย์สิงห์
หลวงปู่บอกว่าวิชากัมมัฏฐานของพระอาจารย์สิงห์นั้นเป็นวิชาที่ลึกซึ้งมากต้องใช้เวลานานกว่า 5 ปี ถึงเข้าใจในสิ่งต่าง ๆ ที่ท่านแนะนำมา ในระหว่างที่ศึกษาอยู่กับพระอาจารย์สิงห์นั้นพระอาจารย์สิงห์ได้เล่าให้ฟังถึงเรื่องราวต่าง ๆ เกี่ยวกับพระอาจารย์มั่น และพระอาจารย์ต่าง ๆ ถ้าหากว่าหลวงปู่เดินทางผ่านไปก็ให้ไปกราบพบครูบาอาจารย์เหล่านั้นได้ เมื่อพระอาจารย์สิงห์เดินทางกลับไปจังหวัดนครราชสีมาแล้ว หลวงปู่ก็ได้พบกับพระอาจารย์สิงห์อีกหลายครั้งด้วยกันที่วัดบรมนิวาส และที่วัดปทุมวนาราม จ. กทม. และที่ต่างจังหวัดอีกหลายครั้ง และเคยร่วมธุดงค์ไปกับพระอาจารย์สิงห์ถึงประเทศลาว ต่อมาในปี พ.ศ. 2500 เศษหลวงปู่ได้ถูกนิมนต์ไปนั่งสวดพุทธาภิเศกที่วัดบวรนิเวศวิหารและได้ไปพบกับหลวงพ่อโด่ วัดนามะตูม จังหวัดชลบุรี ที่มานั่งปรกปลุกเสกที่วัดบวรนิเวศวิหารและหลวงปู่ได้เคยไปศึกษาวิชาการลบผงจากหลวงพ่อโด่ หลวงพ่อโด่บอกว่าถ้ามีเวลาให้ไปกราบพบพระอาจารย์ท่านหนึ่งที่มีความรู้ความสามารถเก่งมากคือหลวงปู่ทิม วัดระหารไร่นันเอง
แต่หลวงปู่ไม่เคยได้ไปกราบพบหลวงปู่ทิมเลย
หลวงปู่เล่าไปให้ฟังว่าหลวงพ่อโด่เก่งมาก ปลุกเสกพระหรือปลัดถึงกับลอยได้วิ่งได้เลยทีเดียว นับได้ว่าพระอาจารย์ของหลวงปู่ ที่หลวงปู่ได้ศึกษาเล่าเรียนมามีอยู่เท่านี้ส่วนที่หลวงปู่ให้ความเคราพนับถือมีอยู่หลายรูปด้วยกัน แต่ที่เห็นหลวงปู่พูดถึงบ่อย ๆ ก็มีหลวงปู่ทิม วัดระหารไร่ จ.ระยอง หลวงปู่อยู่วัดใหม่หนองพระอง จ.สมุทรสาคร หลวงพ่อสนิท วัดศีลขันธาราม จ.อ่างทอง (หลวงพ่อสนิทเป็นสหายทางธรรมกันมาตั้งแต่สมัยที่หลวงพ่อสนิท ยังอยู่ที่วัดเทพศิรินทราวาสและเคยมาฉันอาหารหลับนอนที่วัดดวงแขบ่อย) และหลวงปู่บุญญฤทธิ์พระอาจารย์สายกัมมัฏฐานที่ให้ความเคารพซึ่งกันและกันมาก หลวงพ่อแพ วัดพิกุลทอง และหลวงพ่อมี วัดมารวิชัย ก็เป็นพระที่ท่านยอมรับในวิชาและมักนิมนต์มาร่วมปลุกเสกวัตถุมงคลที่วัดดวงแขบ่อยๆ
พบเจอวัตถุมงคลที่ท่านสร้างไว้รีบเก็บกันนะครับ ผมคิดว่าผู้ที่รวบรวมเล่าเรียนสรรพวิชาต่างๆไว้มากมายหลายสายอย่างหลวงพ่อวิเวียร วัดดวงแข ท่านไม่ใช่พระที่ธรรมดาแน่นอน
วันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2537 เวลา 4 ทุ่มตรง เป็นวันตรุษจีน หลวงปู่ละสังขารไปด้วยอาการอันสงบ
- แนบไฟล์
-
- 126.jpg (66.65 KiB) เปิดดู 1815 ครั้ง